เฝ้าเดี่ยว วันที่ 23- เอเฟซัส 2 : 11-22
เฝ้าเดี่ยว วันที่ 23- 21 เมษายน 2017
เอเฟซัส 2 : 11-22
11เหตุฉะนั้นท่านจงระลึกว่า เมื่อก่อนท่านเคยเป็นคนต่างชาติตามเนื้อหนัง และพวกที่รับพิธีเข้าสุหนัตซึ่งกระทำแก่เนื้อหนังด้วยมือ เคยเรียกท่านว่า เป็นพวกที่มิได้เข้าสุหนัต 12จงระลึกว่า ครั้งนั้นท่านทั้งหลายเป็นคนอยู่นอกพระคริสต์ ขาดจากการเป็นพลเมืองอิสราเอล และไม่มีส่วนในบรรดาพันธสัญญาซึ่งทรงสัญญาไว้นั้น ไม่มีที่หวัง และอยู่ในโลกปราศจากพระเจ้า 13แต่บัดนี้ในพระเยซูคริสต์ ท่านทั้งหลายซึ่งเมื่อก่อนอยู่ไกล ได้เข้ามาใกล้โดยพระโลหิตของพระคริสต์ 14เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นสันติสุขของเรา เป็นผู้ทรงกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทรงรื้อกำแพงที่กั้นระหว่างสองฝ่ายลง 15คือการเป็นปฏิปักษ์กัน โดยในเนื้อหนังของพระองค์ ได้ทรงให้ธรรมบัญญัติอันประกอบด้วยบทบัญญัติและกฎหมายต่างๆนั้นเป็นโมฆะ เพื่อจะกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นคนใหม่คนเดียวในพระองค์ เช่นนั้นแหละ จึงทรงกระทำให้เกิดสันติสุข 16และเพื่อจะทรงกระทำให้ทั้งสองพวกคืนดีกับพระเจ้า เป็นกายเดียวโดยกางเขน ซึ่งเป็นการทำให้การเป็นปฏิปักษ์ต่อกันหมดสิ้นไป 17และพระองค์ได้เสด็จมาประกาศสันติสุขแก่ท่านที่อยู่ไกล และประกาศสันติสุขแก่คนที่อยู่ใกล้ 18เพราะว่าพระองค์ทรงทำให้เราทั้งสองพวกมีโอกาสเข้าเฝ้าพระบิดาโดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน 19เหตุฉะนั้นท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวต่างแดนอีกต่อไป แต่ว่าเป็นพลเมืองเดียวกันกับธรรมิกชน และเป็นครอบครัวของพระเจ้า 20ท่านได้ถูกประดิษฐานขึ้น บนรากแห่งพวกอัครทูตและพวกผู้เผยพระวจนะ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศิลามุมเอก 21ในพระองค์นั้นทุกส่วนของโครงร่างต่อกันสนิท และเจริญขึ้นเป็นวิหารอันบริสุทธิ์ในองค์พระผู้เป็นเจ้า 22และในพระองค์นั้น ท่านก็กำลังจะถูกก่อขึ้นให้เป็นที่สถิตของพระเจ้าในฝ่ายพระวิญญาณด้วย
เอเฟซัส 2:11-22
เรื่องของการเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสต์
พระเจ้าต้องการให้เราเลียนแบบพระเจ้าโดยมีหลักการ 3 ประการ
1. รื้อกำแพงการเป็นปฎิปักษ์ (11-17)
กำแพงนั้นเกิดจากความรู้สึกเหยียดหยาม และตั้งกำแพงกับคนที่เราไม่ชอบไว้สูง
พระเจ้าปรารถนาจะรื้อกำแพง กำแพงที่เราสร้างขึ้นมาเป็นการกั้นระหว่างเรากับคนอื่น
กำแพงนั้นก็คือ ทัศนคติของเรา ที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ ความหยิ่งผยองของเรา จะเป็นตัวกั้นไม่ให้คนอื่นเข้ามา บางคนกลัวที่คนอื่นจะรู้จักตัวเอง เลยสร้างกำแพงกั้นไม่ให้คนอื่นเข้ามา เลยทำให้คนอื่นไม่อยากเข้ามา ซึ่งนั้นจะทำให้กำแพงของเราก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ พระเจ้าได้เขียนในพระคัมภีร์ว่า “คนที่ยกตัวเองขึ้นพระเจ้าก็จะเหยียดลง คนที่ถ่อมตัวพระเจ้าก็จะยกเราขึ้น” เพราะฉะนั้น พระเจ้าต้องการให้เราเข้าไปหาคนอื่น ต้องการให้เราหนุนน้ำใจต่อคนอื่น ยินดีต้อนรับทุกคนที่เข้ามาด้วยความจริงใจ
พระเจ้าอยากให้เราทุกคนมีความรักต่อคนอื่น เห็นคุณค่าของคนอื่นใส่ใจคนอื่น
สำหรับพระเจ้าการแบ่งชั้นวรรณะในคริสตจักรคือการทำชั่ว ทุกคนเท่าเทียมกันในพระเจ้า
สำหรับพระเยซูคริสตเจ้าพระองค์ทอดพระเนตรเราที่จิตใจ เพราะพระองค์ทรงรักมนุษย์ทุกคน เพราะฉะนั้นเมื่อเราเห็นคุณค่าของคนเหมือนอย่างพระเยซู เราจะรู้ว่ามนุษย์ทุกคนมีค่าเสมอ และเราจะไม่เหยียดหยามคน เพราะพระเยซู เห็นคุณค่าของเขา หากเราเหยียดหยามมนุษย์ เท่ากับเราเหยียดหยามพระเจ้าที่ทรงรักด้วย เพราะมนุษย์ทุกคนเป็นแก้วตาดวงใจของพระเจ้า ถึงแม้เราจะทำหน้าที่แตกต่างกัน เราก็ไม่ควรเหยียดหยามกัน
2. หลอมรวมความแตกต่าง (18-19)
พระเจ้าต้องการให้เราทุกคนมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในคริสตจักรของพระเจ้า
ทุกคนเป็นลูกพระเจ้าเหมือนกัน ทุกคนเสมอภาคกัน แม้เราจะมีคนละหน้าที่ก็ตาม เราก็เป็นลูกพระเจ้าเหมือนกัน
3. ก่อเราขึ้นเป็นพระวิหาร (20-22)
เราจะต้องให้พระวิญญาณของพระเจ้าเชื่อมเราทุกคน เราจะต้องเน้นพระวิญญาณ อ่านพระคัมภีร์ให้พระเจ้าทรงนำทางเรา ซึ่งทำให้เรามีความรักต่อผุ้อื่น ห่วงใยผู้อื่น เราทุกคนถูกสร้างในพระวิหารของพระเจ้า เมื่อเรามีปัญหา เราต้องไม่อยู่คนเดียว เราต้องประกาศต่อพระเจ้า เพื่อจะให้ทุกคนอธิฐานเผื่อเรา
เมื่อเราถูกก่อขึ้นรวมกันสิ่งที่ตามมาคือความช่วยเหลือกัน มีความรักให้ต่อกัน เพราะเป้าหมายคือความรักถ้าเรามีความรักอยู่ในใจของเรา พระองค์สร้างเราให้เต็มด้วยความรัก เราจะอยู่เพื่อกันและกัน เราจะช่วยกันจนถึงน้ำพระทัยของพระเยซูคริสต เราจะพาคนไปยังแผ่นดินของพระเจ้าได้
อธิฐาน
ข้าแต่พระบิดาเจ้า พระวิญญาณอันบริสุทธิ์ ผู้สถิตในสวรรค์ ขอให้พระองค์ทำลายกำแพงที่ข้าพระองค์มีอยู่ ทั้งกับคนที่ยังไม่รู้จักในพระคริส และคนที่อยู่รอบกายข้าพระองค์ ให้เขาได้มาเข้าใจและรับรู้ในพระทัยของพระองค์ ให้เห็นคุณค่าของพระองค์ เพื่อที่เขาจะได้ไม่มีกำแพงเหมือนข้าพระองค์ ขอให้ข้าพระองค์มีความรักในฝ่ายพระวิญญาณ มีความรักและห่วงใยผู้อื่นมากขึ้น ลดกำแพงที่ข้าพระองค์มีอยู่ เข้าใจและใส่ใจผู้อื่นมากขึ้น หากข้าพระองค์มีปัญหาสิ่งใดขออย่าให้ข้าพระองค์คิดด้วยตัวเอง ขอให้ข้าพระองค์คิดถึงพระองค์เป็นสิ่งแรก เพื่อที่พระองค์จะได้นำทางให้กับข้าพระองค์เดินไปในทางที่ถูกต้อง ข้าแต่พระบิดาเจ้า ข้าพระองค์ขอสารภาพบาปในวันนี้ข้าพระองค์ได้มีกำแพงที่สูงมากกับคนคนหนึ่ง ที่ข้าพระองค์ไม่ชอบ ซึ่งทำให้ข้าพระองค์หงุดหงิดทุกอย่างในบุคคลนี้ ทำให้การทำงานของข้าพระองค์ไม่ราบเรียบ ข้าพระองค์พยายามที่จะไม่โกรธและเกลียดบุคคลนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้ วันนี้เมื่อได้อ่านพระคัมภีร์ข้อนี้ ทำให้ข้าพระองค์รู้ว่า การที่เรามีทัศนคติไม่ดีต่อบุคคนคนนั้น มันทำให้เราตกอยู่ในความบาป บาปในที่นี้ของข้าพระองค์คือ ความเครียด และ ยับหยั่งอารมณ์ไม่อยุ่ ขาดสติ มันทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ราบเรียบ แต่มีแผลในใจตลอดเวลา ขอบคุณพระองค์ที่ยกโทษบาปในครั้งนี้ให้แก่ข้าพระองค์ ให้พระวจนะข้อนี้แก่ข้าพระองค์ ขอจงให้ข้าพระองค์เห็นคุณค่าในบุคคลนั้นที่ข้าพระองค์อ้างถึง ขอให้พระองค์ช่วยให้ข้าพระองค์ มองเห็นแต่สิ่งดีงามของเขาเพื่อให้ข้าพระองค์ได้รักและหวังดีกับเขามากขึ้น ในนามพระเยซูคริสเจ้า เอเมน...
https://www.youtube.com/watch?v=Dl490b9HtVI&t=289s
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น