ใจที่มีสันติสุข

สังคมมีปัญหาคนขาดสันติสุขซึ่งเป็นรากของปัญหา
พอคนขาดสันติสุขคนเราก็วิ่งหาอะไรก็ได้ที่ทำให้เรามีความสุข 
วิ่งหาเงิน เพราะคิดว่าเงินจะทำให้เรามีความสุข จนทำให้หิวเงิน จนไม่เคยอื่มเงิน 
บางคนก็วิ่งหาความรัก แทนที่จะใช้ชีวิตให้ความรักวิ่งตามหา
บางคนอยากมีสันติสุขในชีวิตก็วิ่งหาความสำเร็จ จนไม่ได้สนใจคนอื่น
ทำทุกวิธีที่จะได้ความสำเร็จมา พอถึงจุดนั้นเราก็โดดเดี่ยวเดียวดายเพราะใช้วิธีเหยียบหัวเขา

จัดการรากที่เป็นจุดอ่อนได้อย่างไร ที่จะขจัดความตรึงเครียดและให้มีใจชื่นชมยินดี
บางครั้งเครียดใหญ่โต แต่จริงๆแล้ว ความเครียดมาจากปัญหา ครึ่งหนึ่งความกังวลครึ่งหนึ่ง ปัญหาจริงๆอาจจะมีแค่เรื่องหรือสองเรื่องเท่านั้นเอง

เหมือนดั่งขวดน้ำกิน ขวดหนึ่งที่ถือทิ้งไว้ 
ถ้าเราถือแค่ 1 นาที ก็ได้อยู่แต่ว่าถ้าถือทั้งวันคงจะแย่
ประเด็นคือเราถือมันไว้นานแค่ไหน 
ประเด็นที่ภาระเรานั้นหนักแค่ไหนแต่ประเด็นคือเราถือมันไว้นานแค่ไหน
สิ่งที่เราทำเราควรวางแล้วค่อยเริ่มต้นใหม่ อีกครั้งในวันพรุ่งนี้

อย่าวิตกกังวลกับงานที่เราทำ อย่าเอางานกลับไปทำที่บ้าน

3 สิ่งที่ที่เป็นภาระ
1 ภาระที่ไม่สะสาง  เหนื่อยเพราะความกังวลของตัวเราเอง ส่วนหนึ่งจากภาระปัญหา แต่อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการกังวล อย่ากังวลจนเหนื่อย อย่าปล่อยให้ภาระสะสม  อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ทางออกในการจัดการโดยแบ่งประเภทงาน 3 ประเภท คือ

1 สิ่งที่คุณจะไม่ทำแน่ๆ - ตัดออกจาก task lish junk mail ต่างๆ อย่าเก็บมัน เคลียไปเลย
2 สิ่งที่สำคัญที่คุณจะสะสางได้ - นำสิ่งนั้นมาทำก่อน
จงสะสางงานที่รบกวนจิตใจออกไปก่อน คุณจึงจะทำงาานอื่นด้วยใจที่มีความสุข และนั่นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
3. งานที่สำคัญรองลงไป จัดการเป็นลำดับต่อไป

2.อดีตที่ผ่านไปแล้ว

หลายคนเอาอดีตมาทำลายปัจจุบัน ทางออกคือ ยอมรับมัน

ทางออกในการจัดการอดีตที่ผ่านไปแล้วคือ ยอมรับมัน และคิดหาวิธีเดินต่อไปข้างหน้า
เราจะเริ่มปรับสภาพจิตใจเราให้ดีขึ้น โดยมีเหตุการณ์เหล่านี้เป็นภูมิของชีวิตเรา

อะไรแก้ได้แก้ อะไรที่แก้ไขไม่ได้ จงอยู่กับมันให้ได้
เพราะพระเจ้า อนุญาติให้เรามีความสุข มีความชื่นชมยินดี จากความไม่สมบูรณ์แบบได้ ชีวิตที่ไม่สมบูรณ์แบบของท่าน พระเจ้ามีแผนการดีผ่านเหตุการณ์เหล่านั้น เราสามารถยอมรับมัน ใช้ประโยชน์
กับมันและอยู่กับมันด้วยความสุข

3. สิ่งที่ควบคุมไม่ได้
เมื่อเราอยู่ในสถานะที่คุมไม่ได้ เราก็จะเป็นกังวล เราก็ต้องฝึกที่จะวางในสิ่งที่เราคุมไม่ได้
ยกตัวอย่าง เช่น ดินฟ้าอากาศ สภาวะ

บ่นไม่ได้ช่วยอะไร บ่นไปเขาก็ไม่ได้แคร์ การระเบิดอารมณ์
คำถามคือ สิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้เราจะสามารถทำอะไรได้บ้าง
ทางออกในการจัดการสิ่งที่ควบคุมไม่ได้คือ ตระหนักว่า แม้ควบคุมทุกอย่างไม่ได้ แต่เราสามารถตอบสนองอย่างดีที่สุดได้ 
หนักกว่านี้ก็เคยเจอมากแล้ว ลำบากกว่านี้ก็เคยเจอมาแล้ว พระเจ้าที่นำมาเราเป็นพระเจ้าวัตถุประสงค์ จะไม่ทิ้งเรากลางทางอยู่แล้ว เราจะผ่านไปได้

3 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สามารถจัดการได้
แต่มีสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ในพระคัมภีร์ มัทธิว 11:28-30 บรรดาผุ้เหน็ดเหนื่อย...

มีสันติสุขในมุมมองของพระเจ้าคือ
2.1 พระเจ้าไม่ได้บอกว่าคุณไม่ต้องแบกภาระ  เพราะชีวิตเรามีวัตถุประสงค์ ความรับผิดชอบจะสวนทางกับความสุข สันติสุขจะอยู่ในความรับผิดชอบงานต่างๆ
2.2 พระเจ้าเอาแอกที่หนักเกินกำลังออกไปแล้ว สิ่งที่คุณแบกจึงพอเหมาะ 
พระเจ้าจะดูแลถ้าเราตอบสนองอย่างสอดคล้อง  
ถ้าเป็นสิ่งที่พระเจ้าให้รับผิดชอบมันจะไม่เกินกำลังเรา 
บางทีเรารู้สึกเครียดกับภาระ เพราะเราไปดีไซน์ความคิดที่หนักมากเกินไป กับตัวเอง เช่นสร้างบ้านเกินกำลัง ตั้งเป้าหมายใหญ่เกินตัว ทำงานที่ไม่ถูกต้อง ผัดวันประกันพรุ่ง
ให้เราเซ็ตรีมิดชีวิตของเรา ว่าเราทำได้แค่ไหน อย่าทำอะไรเกินกำลัง
อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่

2.3 คุณไม่ได้แบกลำพัง พระเจ้าจะช่วย
จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อมและจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก  

กุญแจสำคัญของสันติสุขอยู่ในคำว่า trust หรือวางใจ
อะไรคือสิ่งที่เราวางใจได้ คือ พระยาเวห์

ถ้าเราพิสูจน์ได้ว่าพระเจ้าเป็นจริง และพระเจ้าควบคุมชีวิต ทรงเป็นเหมือนเดิม
วันนี้ วานนี้ และสืบไปเป็นนิตย์

แต่ถ้าเราไม่วางใจ แม้เหตุการณ์ไม่ราบรื่นเราก็ไม่มีความสุข
ชีวิตที่ไม่มีการควบคุมก็เป็นเหมือนเรือที่ไม่มีคนขับ เราต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองจนเราพบ
และถ้าเราพบ เราจะได้สิ่งที่สำคัญกว่าการรู้ เราจะได้หลักมุดของความวางใจ ที่ทำให้เรามีสันติสุข 


ใคร่ครวญกับพระเจ้าว่าสิ่งที่รบกวนจิตใจเราคืออะไร
เหตุการณ์ที่ทำให้หัวใจของท่านปั่นปวน















ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คำอธิฐานต่างๆ

คำอธิฐาน

อธิษฐานและนมัสการ ภาษาอังกฤษ