มานาประจำวันที่ 13 มิย 61 - ฟีลิปปี 2:1-11
มานาประจำวันที่ 13 มิย 61 - ฟีลิปปี 2:1-11
2:1เหตุฉะนั้นถ้าชีวิตในพระคริสต์อำนวยการเร้าใจประการใด ถ้ามีการหนุนใจประการใดในความรัก ถ้ามีส่วนประการใดกับพระวิญญาณ ถ้ามีการรักใคร่เอ็นดูและเห็นอกเห็นใจประการใด 2:2ก็ขอให้ท่านทำให้ความยินดีของข้าพเจ้าเต็มเปี่ยม ด้วยการมีความคิดอย่างเดียวกัน มีความรักอย่างเดียวกัน มีใจรู้สึกและคิดพร้อมเพรียงกัน 2:3อย่าทำสิ่งใดในทางชิงดีกันหรือถือดี แต่จงมีใจถ่อมถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว 2:4อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆด้วย 2:5ท่านจงมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ 2:6ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ 2:7แต่ได้กลับทรงสละ และทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ 2:8และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน 2:9เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูง และได้ประทานพระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์ 2:10เพื่อเพราะพระนามนั้น ทุกเข่า ในสวรรค์ ที่แผ่นดินโลก ใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกลงกราบ พระเยซู 2:11และเพื่อ ทุกลิ้นจะยอมรับ ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระบิดาเจ้ามีพระเยซูเป็นแบบอย่าง
"อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆ"
หลายๆครั้งที่รู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัว ขี้เกียจ รักความสบายมากกว่าที่จะช่วยเหลือ ทำให้มองไม่เห็นความยากลำบากของคนอื่น พูดง่ายๆ คือ สบายบนความเหนื่อยยากของคนอื่น เพราะความคิดในการเปรียบเทียบ ถ่อมไม่ลง ไม่มีใจที่จะช่วยเหลือ อาจจะด้วยความขี้เกียจ ความรู้สึกด้อย รู้สึกยาก จนไม่อยากเข้าไปมีส่วนร่วม กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว เฉยชา มีโลกส่วนตัว...
พระคำบทนี้แสดงให้เห็นถึงความยากลำบาก ความถ่อมใจ ความเชื่อฟังในพระเจ้า ของพระเยซู พระองค์ทรงเห็นแก่ผู้อื่นมากกว่าตัวเอง ยอมลำบากเพื่อจะได้เห็นคนอื่นหมดทุกข์ และเป็นคนดีขึ้นในสายพระเนตรของพระเจ้า ยอมแลกแม้กระทั้งชีวิตของตัวเองเพื่อไถ่บาป เพราะพระองค์ทรงถ่อมใจและเชื่อฟังแผนการของพระเจ้า... ถ้าเปรียบเทียบกับความยากลำบากของเรานั้นเป็นเพียงเล็กน้อยมากนัก ถ้าเทียบกับพระเยซู ที่ต้องทนทุกข์ทรมานในทุกๆเรื่องราวที่พระองค์ทรงกระทำ
สิ่งที่ต้องคิดเปลี่ยนแปลงในชีวิตตัวเองคือ หยุดเปรียบเทียบ มองแค่การกระทำของตัวเองว่าวันนี้เราทำดีพอหรือยัง ขอบคุณตัวเองและกลับไปขอบคุณกับทุกๆเรื่องราวที่รู้สึกแย่ รู้สึกเสียใจ ในอดีต ปัจจุบันและอนาคตที่จะมาถึง และทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะออกมาดีหรือไม่ดี ไม่บ่น ไม่ติ เดินหน้าทำมันด้วยใจที่อดทนและด้วยใจที่สันติสุข รักและให้อภัย ไม่เอาความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้ง ช่วยเหลือผุ้อื่นด้วยใจเมตตา เชื่อว่าพระเจ้าจะกระทำสิ่งดีๆให้เราอย่างแน่นอน เพราะพระเจ้ารู้และเห็นในสิ่งที่เราเป็น และในสิ่งที่เราทำ
ข้าแต่พระเจ้าพระบิดา ขอให้ลูกมีใจที่ถ่อมมากขึ้น หยุดเปรียบเทียบ ไม่เห็นแก่ตัว และทำเพื่อผู้อื่นมากขึ้น อธ ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน...
#ยิ่งเราทำประโยชน์ต่อคนอื่นมากเท่าไหร่ โลกก็ยิ่งจะให้ประโยชน์เรากลับมามากกว่านั้น cr.ครูเงาะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น