มานาประจำวันที่ 29 พค 61- ฮีบรู 11:8-16
มานาประจำวันที่ 29 พค 61- ฮีบรู 11:8-16
11:8เพราะอับราฮัมมีความเชื่อ ฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงเรียกให้ท่านออกเดินทาง ไปยังที่ซึ่งท่านจะรับเป็นมรดก ท่านได้เชื่อฟังและได้เดินทางออกไปโดยหารู้ไม่ว่าจะไปทางไหน 11:9เพราะความเชื่อของท่าน ท่านได้พำนักในแผ่นดินซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาไว้นั้น คือได้พำนักในเต็นท์เป็นคนต่างด้าว ดังอิสอัคและยาโคบซึ่งเป็นทายาทด้วยกัน ตามพระสัญญาอันเดียวกันนั้น 11:10ท่านได้เฝ้ารอคอยนครที่ตั้งบนรากฐาน ซึ่งพระเจ้าทรงเป็นนายช่างและทรงเป็นผู้สร้าง 11:11เพราะนางซาราห์มีความเชื่อ นางจึงได้รับพลังตั้งครรภ์เมื่อชรามากแล้ว เพราะนางถือว่าพระองค์ผู้ได้ทรงประทานพระสัญญานั้นทรงเป็นผู้สัตย์ซื่อ 11:12เหตุฉะนั้นจากชายคนเดียวซึ่งเกือบจะกล่าวได้ว่า เป็นเสมือนคนที่ตายแล้วนั้น ก็ได้ทำให้มีผู้สืบเชื้อสายเกิดมามากมายดังดวงดาวในท้องฟ้า และเป็นดังเม็ดทรายอันนับไม่ถ้วน ที่ฝั่งทะเล 11:13คนเหล่านั้นได้ตายไปขณะที่มีความเชื่อเต็มที่ และไม่ได้รับสิ่งที่ได้ทรงสัญญาไว้ แต่เขาก็ได้เห็นและได้เตรียมรับไว้ตั้งแต่ไกล และรู้ดีว่าเขาเป็นคนแปลกถิ่นที่ท่องเที่ยวไปในโลก 11:14เพราะคนที่พูดอย่างนี้ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า เขากำลังแสวงหาเมืองที่จะได้เป็นของเขา 11:15ถ้าเขาคิดถึงบ้านเมืองที่เขาจากมานั้น เขาก็คงจะมีโอกาสกลับไปได้ 11:16แต่ความจริงเขาปรารถนาที่จะอยู่ในเมืองที่ประเสริฐกว่านั้น คือเมืองสวรรค์ เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงมิได้ทรงละอาย เมื่อเขาเรียกพระองค์ว่าเป็นพระเจ้าของเขา เพราะพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมเมืองหนึ่งไว้สำหรับเขาแล้ว
ปัญหาปัจจุบันของเราเป็นสิ่งชั่วคราว เราเป็น “คนแปลกถิ่นที่ท่องเที่ยวไปในโลก” (11:13) แต่การมองดูที่ขอบฟ้าแห่งพระสัญญาของพระเจ้าทำให้เราเห็นจุดหมายที่เราต้องการ
เป้าหมายสูงสุดของการมาเชื่อพระเจ้าคือรอการกลับมาของพระเจ้า ยืนอยู่แถวหน้า ต่อหน้าพระพักต์ของพระองค์ และได้อยู่บนสวรรค์ที่มีแต่สิ่งที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ความรัก ความเมตตา ความสุขที่อยู่รอบกายเรา ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส่ ไม่คิดลบใส่กัน ไม่ว่าให้ใครเจ็บช้ำน้ำใจ ไม่เกลียด ไม่โกรธ จริงใจให้กัน ช่วยเหลือกัน อยู่อย่างผาสุขเหมือนนางฟ้าสวรรค์ที่มีแต่เสียงหัวเราะ ไม่เครียดไม่บ่น ไม่นินทา อิ่มทิพย์ ไม่ต้องดิ้นรนหาเงินว่าวันๆจะเอาอะไรจ่าย อยู่กับคนที่เรารักพร้อมหน้าพร้อมตา...
โห...เป็นจุดสูงสุดที่ทุกคนตั้งเป้าหมายไว้ (หรือว่าเราคนเดียว55) ซึ่งบนโลกมนุษย์นี้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นแบบนั้น นอกจากเราเชื่อและวางใจในพระเจ้า เมื่ออยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สร้างสันติสุขขึ้นในใจเราเองด้วยการปรับมุมมองจากลบเป็นบวก เปลี่ยนความคิดเปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนตัวเอง เชื่อมั่นในพระสัญญาของพระเจ้า ว่าพระองค์จะกระทำสิ่งที่ดีในชีวิตเราแน่นอน แม้ว่าสิ่งที่เรารอคอยมันจะยังมาไม่ถึง หรืออาจจะไม่ได้รับมันเลยในโลกใบนี้ แต่เชื่อว่าสิ่งที่เราเชื่อ และทำตามการทรงนำของพระเจ้า นั้นจะเกิดสิ่งดีๆให้กับเราแน่นอน
ข้าแต่พระเจ้าพระบิดา ขอบคุณพระองค์ในพระสัญญาที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจลูกให้เชื่อและวางใจในพระเจ้า เมื่อใดที่ลูกล้มลงจากความคิดขอพระองค์ทรงกู้ลูก ฟื้นฟูใจลูกให้ลูกมองไปที่พระองค์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ขอสันติสุขมีต่อลูกในท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบาก อธ ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น