มานาประจำวันที่ 8 มีค 61-1 พงศ์กษัตริย์ 12:1-7, 12-17

มานาประจำวันที่ 8 มีค 61-1 พงศ์กษัตริย์ 12:1-7, 12-17

12:1เรโหโบอัมได้ไปยังเมืองเชเคม เพราะอิสราเอลทั้งปวงได้มายังเชเคม เพื่อจะตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ 12:2และอยู่มาเมื่อเยโรโบอัมบุตรเนบัททราบเรื่อง (เพราะท่านยังอยู่ในอียิปต์ที่ซึ่งท่านหนีไปจากพระราชาซาโลมอน เยโรโบอัมอาศัยอยู่ในอียิปต์ 12:3เขาทั้งหลายก็ใช้คนไปเรียกท่าน) เยโรโบอัมกับชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดได้มาทูลเรโหโบอัมว่า 12:4"พระราชบิดาของฝ่าพระบาทได้กระทำให้แอกของข้าพระบาทหนักนัก เพราะฉะนั้น บัดนี้ขอทรงผ่อนการปรนนิบัติอย่างทุกข์หนักของพระราชบิดาของฝ่าพระบาท และแอกอันหนักของพระองค์เหนือข้าพระบาททั้งหลายให้เบาลงเสีย และข้าพระบาททั้งหลายจะปรนนิบัติฝ่าพระบาท" 12:5พระองค์ตรัสกับเขาว่า "จงกลับไปเสียสักสามวัน แล้วจึงมาหาเราอีก" ประชาชนจึงกลับไป 12:6แล้วพระราชาเรโหโบอัมก็ทรงปรึกษากับบรรดาผู้เฒ่า ผู้อยู่งานประจำซาโลมอนราชบิดาของพระองค์ ขณะเมื่อพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ว่า "ท่านทั้งหลายจะแนะนำเราให้ตอบประชาชนนี้อย่างไร" 12:7เขาทั้งหลายทูลพระองค์ว่า "ถ้าพระองค์จะทรงเป็นผู้รับใช้ประชาชนนี้ในวันนี้และฟังเขา และตรัสตอบคำดีแก่เขา เขาทั้งหลายก็จะเป็นผู้รับใช้ของพระองค์เป็นนิตย์"

12:12เยโรโบอัมกับประชาชนทั้งปวงจึงเข้ามาเฝ้าเรโหโบอัมในวันที่สาม ดังที่พระราชารับสั่งว่า "จงมาหาเราอีกในวันที่สาม" 12:13และพระราชาตรัสตอบประชาชนอย่างดุดัน ทรงทอดทิ้งคำปรึกษาซึ่งผู้เฒ่าได้ถวายนั้นเสีย 12:14และตรัสกับเขาทั้งหลายตามคำปรึกษาของพวกคนหนุ่มว่า "พระราชบิดาของเราทำแอกของท่านทั้งหลายให้หนัก แต่เราจะเพิ่มให้แก่แอกของท่านทั้งหลายอีก พระราชบิดาของเราตีสอนท่านทั้งหลายด้วยไม้เรียว แต่เราจะตีสอนท่านทั้งหลายด้วยแส้แมงป่อง" 12:15พระราชาจึงมิได้ฟังเสียงประชาชนเพราะเหตุการณ์นั้นเป็นมา แต่พระเจ้า เพื่อพระองค์จะทรงกระทำให้พระวจนะของพระองค์ได้สำเร็จ ซึ่งพระเจ้าตรัสโดยอาหิยาห์ชาวชีโลห์แก่เยโรโบอัมบุตรเนบัท 12:16และเมื่ออิสราเอลทั้งปวงเห็นว่า พระราชามิได้ทรงฟังเขาทั้งหลาย ประชาชนก็ทูลตอบพระราชาว่า "ข้าพระบาททั้งหลายมีส่วนอะไรในดาวิด ข้าพระบาททั้งหลายไม่มีส่วนมรดกในบุตรชายของเจสซีโอ อิสราเอลเอ๋ย กลับไปเต็นท์ของตนเถิด ข้าแต่ดาวิด จงดูแลราชวงศ์ของพระองค์เองเถิด" อิสราเอลจึงจากไปยังบ้านเรือนของเขาทั้งหลาย 12:17แต่เรโหโบอัมทรงปกครองเหนือประชาชนอิสราเอล ผู้อาศัยอยู่ในหัวเมืองของยูดาห์

รับฟังสิ่งที่เสริมสร้าง
เรื่องบางเรื่องผ่านเข้ามาในชีวิตเรา บางเรื่องเจอเหตุการณ์ที่ยากจะตัดสินใจ จำเป็นต้องพึ่งพาสติปัญญาของผู้อื่นมาช่วย หลายครั้งที่ถามความคิดของคนอื่น แต่สุดท้ายก็เอาความคิดของตัวเองมาแก้ปัญหา มั่นใจในความคิดตัวเองมากกว่า เพราะเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ไม่ฟังคำชี้แนะจากคนอื่น สุดท้ายก็พลาดและล้มลงกับความคิดตัวเอง

ตัวอย่างบทนี้ที่กษัตย์เรโหโบอัม ไม่ฟังคำแนะนำของบรรดาผู้เฒ่า ผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า แต่กลับไปฟังคำแนะนำของสหายหนุ่ม ที่เอาผลประโยชน์ของตัวเองนำหน้าสุดท้ายอาณาจักรเกิดการแตกแยก และทำให้ประชาชนละทิ้งพระเจ้า

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า บางทีเราก็ต้องฟังคำแนะนำของผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าที่จะฟังเสียงของตัวเอง ที่เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว ถึงแม้ว่าเราจะรับคำแนะนำจากคนอื่น แล้วเราก็ต้องกลับมาใคร่ครวญกับสิ่งนั้นว่ามันยุติธรรมกับคนอื่นหรือป่าว สอดคล้องกับมาตรฐานของพระเจ้าไหม และสามารถพัฒนาไปในทิศทางที่ดีหรือป่าว เพราะถ้าทุกสิ่งพัฒนา เป็นไปตามทางของพระเจ้า สิ่งนั้นจะไปในทิศทางที่ถูกต้องเสมอ

12:7เขาทั้งหลายทูลพระองค์ว่า "ถ้าพระองค์จะทรงเป็นผู้รับใช้ประชาชนนี้ในวันนี้และฟังเขา และตรัสตอบคำดีแก่เขา เขาทั้งหลายก็จะเป็นผู้รับใช้ของพระองค์เป็นนิตย์"

ข้าแต่พระเจ้าพระบิดา ขอบพระคุณพระคำของพระองค์วันนี้ที่ช่วยไตร่ตรองความคิดลูก ขอให้ลูกเป็นผู้ที่เชื่อฟังคนอื่นมากขึ้น ไม่ทำตามความคิดตัวเอง ขอให้ลูกจดจ่ออยู่กับพระคำของพระองค์ ไม่แอบซ้อนขยะไว้ในใจ กวาดล้างทำความสะอาดใจของลูก เพื่อที่ลูกจะมีพื้นที่รับคำแนะนำที่ดีเก็บไว้ และเป็นเติบโตเป็นแสงสว่างให้พระองค์ อธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คำอธิฐานต่างๆ

คำอธิฐาน

อธิษฐานและนมัสการ ภาษาอังกฤษ