love graphic

มานาประจำวันที่ 31/3/61- มัทธิว 27:27-31 27:27พวกทหารของเจ้าเมืองจึงพาพระเยซูไปไว้ในศาลาปรีโทเรียม แล้วก็รวมทหารทั้งกองไว้ข้างหน้าพระองค์ 27:28และเปลื้องฉลองพระองค์ออก เอาเสื้อสีแดงเข้มมาสวมพระองค์ 27:29เอาหนามสานเป็นมงกุฎสวมพระเศียรพระองค์ แล้วเอาไม้อ้อให้ถือไว้ในพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์ และได้คุกเข่าลงต่อพระพักตร์พระองค์เยาะเย้ยว่า "กษัตริย์ของพวกยิวเจ้าข้า ขอทรงพระเจริญ" 27:30แล้วก็ถ่มน้ำลายรด และเอาไม้อ้อนั้นตีพระเศียรพระองค์ 27:31เมื่อเยาะเย้ยพระองค์แล้วเขาถอดเสื้อนั้นออก แล้วเอาฉลองพระองค์สวมให้ และนำพระองค์ออกไป เพื่อจะตรึงเสียที่กางเขน โหดจังทำไม คนสมัยก่อนถึงต้องทำกับคนหนึ่งคนได้ถึงขนาดนี้ ทั้งมงกุฏหนาม ทั้งแซ่หนามฟาดลงบนตัว แถมให้แบกกางเขนเดินขึ้นเขาอีก ตอกตะปูตรึงพระองค์บนกางเขน ยิ่งทรมาน พระเยซูท่านทำผิดร้ายแรงถึงขนาดต้องทำกันแบบนี้เลยเหรอ ดูแล้วหดหู่จัง แต่เรื่องราวเหล่านี้ ย้ำเตือนให้พวกเรารู้ว่า พระองค์ทรงทนทุกข์ทรมาน แบกภาระ รับความเจ็บปวด ยอมเสียสละตัวเองเพื่อไถ่บาปให้กับเราทุกคนมากแค่ไหน ถ้าไม่มีพระเยซู โลกนี้คงมีแต่คนที่มีความบาปติดตัวเต็มไปหมด เพราะฉ

มานาประจำวันที่ 30/3/61 - ฮีบรู 10:1-10 10:1โดยเหตุที่ธรรมบัญญัติเป็นแต่เพียงเงาของสิ่งประเสริฐที่จะมาในภายหลังมิใช่ตัวจริง เครื่องบูชาที่เขาถวายทุกปีเสมอมาตามธรรมบัญญัตินั้น จึงไม่สามารถทำให้ผู้ที่เข้าเฝ้านั้นไร้ข้อตำหนิได้ 10:2เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นได้ เขาคงได้หยุดการถวายเครื่องบูชาแล้วมิใช่หรือ ถ้าผู้นมัสการนั้นได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ครั้งหนึ่งแล้ว เขาคงจะไม่รู้สึกว่ามีบาปอีกต่อไป 10:3แต่การถวายเครื่องบูชานั้นเป็นการเตือนให้สำนึกในบาปทุกปี 10:4เพราะเลือดโคผู้และเลือดแพะไม่สามารถชำระบาปให้หมดสิ้นไปได้ 10:5ดังนั้น เมื่อพระคริสต์เสด็จเข้ามาในโลกแล้ว พระองค์ได้ตรัสว่า "เครื่องสัตวบูชา และเครื่องบูชาอื่นๆพระองค์ไม่ทรงประสงค์ แต่พระองค์ได้ทรงจัดเตรียมกายสำหรับข้าพระองค์ 10:6เครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาลบบาปนั้น พระองค์ไม่ทรงพอพระทัย 10:7แล้วข้าพระองค์ทูลว่า "ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์มาแล้วพระเจ้าข้า จะกระทำตามน้ำพระทัยพระองค์" ตามที่มีเรื่องข้าพระองค์เขียนไว้ในหนังสือม้วน 10:8เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้แล้วว่า "เครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาอื่นๆและเครื่องเผาบูชา และเครื่อ

มานาประจำวันที่ 29มีค 61 - ยอห์น 13:1-17 13:1ก่อนถึงงานเทศกาลปัสกา พระเยซูทรงทราบว่า ถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะทรงจากโลกนี้ไปหาพระบิดา พระองค์ทรงรักพวกของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด 13:2ขณะเมื่อรับประทานอาหารเย็นอยู่นั้น (มารได้ดลใจยูดาสอิสคาริโอท บุตรของซีโมน ให้อายัดพระองค์ไว้) 13:3พระเยซูทรงทราบว่าพระบิดาได้ประทานสิ่งทั้งปวงให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และทรงทราบว่าพระองค์มาจากพระเจ้า และจะไปหาพระเจ้า 13:4พระองค์ทรงลุกขึ้นจากการรับประทานอาหาร ทรงถอดฉลองพระองค์ออกวางไว้ และทรงเอาผ้าเช็ดตัวคาดเอวของพระองค์ 13:5แล้วก็ทรงเทน้ำลงในอ่าง และทรงเอาน้ำล้างเท้าของพวกสาวก และเช็ดด้วยผ้าที่ทรงคาดเอวไว้นั้น 13:6พระองค์ทรงมาถึงซีโมนเปโตร และเปโตรทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์จะทรงล้างเท้าของข้าพระองค์หรือ" 13:7พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "สิ่งที่เรากระทำในขณะนี้ท่านยังไม่รู้เรื่อง แต่ภายหลังท่านจะเข้าใจ" 13:8เปโตรทูลพระองค์ว่า "พระองค์จะทรงล้างเท้าของข้าพระองค์ไม่ได้" พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "ถ้าเราไม่ล้างท่านแล้ว ท่านจะมีส่วนในเราไม่ได้"

มานาประจำวันที่ 28 มีนาคม 2561- ลูกา 23:44-49 23:44เวลานั้นประมาณเวลาเที่ยง ก็บังเกิดมืดมัวทั่วแผ่นดิน จนถึงบ่ายสามโมง 23:45ดวงอาทิตย์ก็มืดไป ม่านในพระวิหารก็ขาดตรงกลาง 23:46พระเยซูทรงร้องเสียงดังตรัสว่า "พระบิดาเจ้าข้า ข้าพระองค์ฝากวิญญาณจิตของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์" ตรัสอย่างนั้นแล้วก็สิ้นพระชนม์ 23:47ฝ่ายนายร้อยเมื่อเห็นเหตุการณ์ซึ่งบังเกิดขึ้นนั้น จึงสรรเสริญพระเจ้าว่า "แท้จริงท่านผู้นี้เป็นคนชอบธรรม" 23:48คนทั้งปวงที่มาชุมนุมกันเพื่อจะดูการณ์นั้น เมื่อเห็นแล้วก็พากันตีอกของตัวกลับไป 23:49คนทั้งปวงที่รู้จักพระองค์ และพวกผู้หญิงซึ่งได้ตามพระองค์มาจากกาลิลี ก็ยืนอยู่แต่ไกลมองเห็นเหตุการณ์เหล่านั้น อย่ากลัวที่จะเป็นคนส่วนน้อย หลายๆครั้ง ความคิดของเราในการตัดสินใจบางอย่าง เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่เมื่อมาเจอเสียงคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับความคิดเรา เราก็คล้อยตามความคิดของคนอื่น โดยไม่คำนึงว่านั้นคือเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามสถานการณ์นั้น สุดท้ายก็พลาด และกลับมาเสียใจกับสิ่งที่เลือกผิด เหมือนเหตุการณ์ของนายร้อย และผู้คนที่เชื่อในพระเยซู ที่ทำตามเสียงส่

มานาประจำวันที่ 27 มีค 61-มาระโก 4:26-29 4:26พระองค์ตรัสว่า "แผ่นดินของพระเจ้าอุปมาเหมือนคนหนึ่งหว่านพืชลงในดิน 4:27แล้วกลางคืนก็นอนหลับ และกลางวันก็ตื่นขึ้น ฝ่ายพืชนั้นจะงอกจำเริญขึ้นอย่างไรเขาก็ไม่รู้ 4:28เพราะแผ่นดินเองทำให้พืชงอกจำเริญขึ้นเป็นลำต้นก่อน ภายหลังก็ออกรวง แล้วก็มีเมล็ดข้าวเต็มรวง 4:29ครั้นสุกแล้วเขาก็ใช้คนไปเกี่ยวเก็บทีเดียว เพราะว่าถึงฤดูเกี่ยวแล้ว" ในเวลาที่เราไปประกาศกับคนอื่น แรกๆมันอาจจะยังไม่เห็นผล เขาอาจจะไม่สนใจ เรื่องราวพระเจ้าที่เราบอก แต่สิ่งที่เราประกาศไป นั้นคือเมล็ดพันธ์ที่ตกเข้าไปในจิตใจเขา  บางคนได้รับน้ำและพรวนดินทุกวัน บางคนโดนนกจิกกินเมล็ดนั้นไป ทุกคนล้วนย่อมมีช่วงเวลา และเจออุปสรรคมากมายในชีวิต เราก็เช่นกัน กว่าจะเติบโตเป็นลำต้นพร้อมที่จะเก็บผลได้ก็ใช้เวลาหลายปี เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว สิ่งที่เราหว่านเราอาจจะไม่ได้เก็บ และก็ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นคนเก็บผลนั้น แต่สำคัญที่ว่าใครจะช่วยพยุงถ้าต้นไม้ต้นนั้นต่อไปเมื่อเจอพายุ ใครจะช่วยบังแดดถ้าต้นไม้ต้นนั้น โดนแดดเผา ใครจะช่วยปกป้องถ้าต้นไม้ต้นนั้น โดนมดกัดกินรากของเขา ใครจะช่วยให้เขาเติบโต? เ

มานาประจำวันที่ 26 มีค 61 - ลูกา 12:22-34 12:22พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า "เหตุฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า จะเอาอะไรกิน และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่า จะเอาอะไรนุ่งห่ม 12:23เพราะว่าชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหาร และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่มห่ม 12:24จงพิจารณาดูอีกา มันมิได้หว่าน มิได้เกี่ยว และมิได้มียุ้งหรือฉาง แต่พระเจ้ายังทรงเลี้ยงมันไว้ ท่านทั้งหลายประเสริฐกว่านกมากทีเดียว 12:25มีใครในพวกท่านโดยความกระวนกระวาย อาจต่อชีวิตให้ยาวออกไปอีกสักศอกหนึ่งได้หรือ 12:26เหตุฉะนั้น ถ้าสิ่งเล็กน้อยยังทำไม่ได้ ท่านยังจะกระวนกระวายถึงสิ่งอื่นทำไมอีกเล่า 12:27จงพิจารณาดอกไม้ว่ามันงอกเจริญขึ้นอย่างไร มันไม่ทำงาน มันไม่ปั่นด้าย แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่า กษัตริย์ซาโลมอนเมื่อบริบูรณ์ด้วยสง่าราศี ก็มิได้ทรงเครื่องงามเท่าดอกไม้นี้ดอกหนึ่ง 12:28แม้ว่าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้น ซึ่งเป็นอยู่วันนี้และรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ โอ ผู้ที่มีความเชื่อน้อย พระองค์จะทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหนา 12:29ท่านทั้งหลายอย่าเสาะหาว่าจะกินอะไรดีหรือจะดื่มอะไร

มานาประจำวันที่ 24 มีค 61 - 2 ทิโมธี 3:10-17 3:10บัดนี้ ท่านก็ประจักษ์ชัดแล้วซึ่งคำสอน พฤติการ ความมุ่งหมายในชีวิต ความเชื่อ ความอดทน ความรัก ความหนักแน่นมั่นคง 3:11การถูกข่มเหง การทนทุกข์ยากลำบากของข้าพเจ้าและสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าณเมืองอันทิโอก เมืองอิโคนียูม และเมืองลิสตรา การกดขี่ข่มเหงที่ข้าพเจ้าได้ทนเอา ถึงกระนั้นก็ดี องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด 3:12แท้จริงบรรดาคนที่ปรารถนาจะดำเนินชีวิตตามทางของพระเจ้า ในพระเยซูคริสต์จะถูกกดขี่ข่มเหง 3:13ขณะเมื่อคนชั่วและคนเจ้าเล่ห์จะเลวลง ทั้งล่อลวงคนอื่นและถูกคนอื่นล่อลวงด้วย 3:14แต่ฝ่ายท่านจงดำเนินต่อไปในสิ่งที่ท่านเรียนรู้แล้วและได้เชื่ออย่างมั่นคง ท่านก็รู้ว่าท่านได้เรียนมาจากผู้ใด 3:15และตั้งแต่เด็กมาแล้ว ที่ท่านได้รู้พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถสอนท่านให้ถึงความรอดได้โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ 3:16พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และ {หรือ ทุกตอนที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า ก็} เป็นประโยชน์ในการสอนการตักเตือนว่ากล่าวการปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม 3:17เพื่อคนของพร

มานาประจำวันที่ 23 มีค 61 - อิสยาห์ 25:1-9 25:1ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ข้าพระองค์จะยอพระเกียรติพระองค์ ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระนามของพระองค์ เพราะพระองค์ได้ทรงกระทำการอัศจรรย์ ตามแผนงานที่ทรงดำริไว้นาน มาแล้ว อันมั่นคงและแน่นอน 25:2เพราะพระองค์ได้ทรงกระทำให้เมืองเป็นกองขยะ เมืองมีป้อมเป็นที่สลักหักพัง วังของชนต่างด้าวไม่เป็นเมืองต่อไปอีก จะไม่ก่อสร้างขึ้นอีกเลย 25:3เพราะฉะนั้น ประชาชาติที่แข็งแรงจะถวายพระสิริแก่พระองค์ หัวเมืองของบรรดาประชาชาติที่ทารุณจะเกรงกลัวพระองค์ 25:4เพราะพระองค์ได้ทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งของคนยากจน ทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งของคนขัดสนเมื่อเขาทุกข์ใจทรงเป็นที่กำบังจากพายุและเป็นร่มกันความร้อน เพราะลมของผู้ที่ทารุณก็เหมือนพายุพัดกำแพง 25:5เหมือนความร้อนในที่แห้ง พระองค์ทรงระงับเสียงของคนต่างด้าว ร่มเมฆระงับความร้อนฉันใด เสียงเพลงของผู้ทารุณก็เงียบไปฉันนั้น 25:6บนภูเขานี้ พระเจ้าจอมโยธาจะทรงจัดการเลี้ยงสำหรับบรรดาชนชาติทั้งหลาย เป็นการเลี้ยงด้วยของอ้วนพี เป็นการเลี้ยงด้วยเหล้าองุ่นที่ตกตะกอนแล้ว ด้วยของอ้วนพีมีไขมันในกระดูกเต็มด้วยเหล้าองุ่นตกตะ

มานาประจำวันที่ 22 มีค 61-สดุดี 79:8-13 79:8ขออย่าทรงถือเอาความบาปผิดของบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย เพื่อลงโทษข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอความสังเวชของพระองค์ เร่งมาพบข้าพระองค์ทั้งหลายเพราะข้าพระองค์ทั้งหลายตกต่ำมาก 79:9ข้าแต่พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ เพราะเห็นแก่พระสิริแห่งพระนามของพระองค์ ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์และอภัยบาปของข้าพระองค์ เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ 79:10ควรหรือที่บรรดาประชาชาติจะกล่าวว่า "พระเจ้าของเขาอยู่ที่ไหน" ขอให้การแก้แค้นแห่งโลหิตผู้รับใช้ของพระองค์ที่ไหลออกมา จงปรากฎในท่ามกลางประชาชาติต่อหน้าต่อตาข้าพระองค์ทั้งหลาย 79:11ขอให้เสียงคร่ำครวญของบรรดาเชลย มาอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ ด้วยพระกรทรงฤทธิ์ของพระองค์ ขอทรงสงวนคนเหล่านั้นที่ต้องถึงตาย 79:12ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตอบแทนการที่เขาได้เย้ยหยันต่อพระองค์ สักเจ็ดเท่าณทรวงอกเพื่อนบ้านของข้าพระองค์ 79:13แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายประชากรของพระองค์ ฝูงแพะแกะแห่งทุ่งหญ้าของพระองค์ จะโมทนาพระคุณพระองค์เป็นนิตย์ ข้าพระองค์ทั้งหลายจะกล่าวสรรเสริญพระองค์ตลอดทุกชั่วชาตพันธุ์ ก้าวข้าม

มานาประจำวันที่ 21 มีค 61 - มัทธิว 14:25-33 14:25ครั้นเวลาสามยามเศษ พระองค์จึงทรงดำเนินบนน้ำทะเลไปยังเหล่าสาวก 14:26เมื่อเหล่าสาวกเห็นพระองค์ทรงดำเนินมาบนทะเลเขาก็ตกใจนัก ร้องอึงไปเพราะกลัว คิดว่าเป็นผี 14:27ในทันใดนั้นพระเยซูตรัสกับเขาว่า "ทำใจให้ดีไว้เถิด เราเอง อย่ากลัวเลย" 14:28ฝ่ายเปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว ขอทรงโปรดบอกให้ข้าพระองค์เดินบนน้ำไปหาพระองค์" 14:29 พระองค์ตรัสว่า "มาเถิด" เปโตรจึงลงจากเรือเดินบนน้ำไปหาพระเยซู 14:30แต่เมื่อเขาเห็นลมพัดแรงก็กลัว และเมื่อกำลังจะจมก็ร้องว่า "พระองค์เจ้าข้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย" 14:31ในทันใดนั้นพระเยซูทรงเอื้อมพระหัตถ์จับเขาไว้ แล้วตรัสว่า "ท่านสงสัยทำไม ท่านช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริง" 14:32เมื่อพระองค์กับเปโตรขึ้นเรือแล้ว ลมก็เงียบลง 14:33เขาทั้งหลายที่อยู่ในเรือ จึงมาหมอบกราบพระองค์ ทูลว่า "พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าจริงแล้ว" นอกเหนือ Comfort Zone ของเรา คนเราทุกคนมักจะมีเป้าหมายอยากทำอะไรหลายๆอย่าง เช่น อยากออกกำลังกาย อยากเล่นดนต