พระคำนำใจ - สภษ.3:5-7
สภษ.3:5-7
5 จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง
6 จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น
7 อย่าคิดว่าตนฉลาด จงยำเกรงพระเจ้า และหันจากความชั่วร้าย”
……….
คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่า เพราะว่าสามารถของเราเอง เพราะความแสวง เราถึงทำได้ ไม่ได้มาด้วยพระเจ้าเลย เพราะตัวเราเป็นคนทำมันขึ้นมาเอง ไม่เห็นเกี่ยวกับพระเจ้าเลย ที่ทำได้เพราะความสามารถของเรา ทำไมจะต้องเอาพระเจ้ามาเกี่ยวข้อง ที่ร่ำรวยมีกินมีใช้ก็เพราะเราขยันเองไม่ใช่เหรอ จะศาสนาไหนๆ ก็สอนให้คนเป็นคนดีเหมือนกัน อยุ่ที่ว่าเราจะลึกซึ้งเข้าใจแบบไหนมากกว่า ทำไมคนที่เป็นคริสต์ตั้งแต่เด็กๆ นิสัยไม่เปลี่ยน มันก็เหมือนกันกับเราเป็นพุทธแล้วนิสัยไม่เปลี่ยน ก็ยังยึดถือศีล 5 ไม่ได้ แต่ทำไมเป็นคริสต์แล้วเกิดจะมาเคร่งครัดคำสอน แล้วทำไมเวลาอยู่ทางพุทธเราไม่ลองมานั่งศึกษาดูแบบนี้บ้าง จะเหมือนกันไหม ถ้าเราเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาใช้พึ่งพาความคิดของเราเหมือนกัน
ทุกครั้งที่เจอคำถามแบบนี้รู้สึกว่า อืม มันก็จริงน่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพราะความพยายามของเรา ความสามารถของเราเอง แล้วทำไมเราไม่กลับไปที่เดิม เพราะอะไร ก็เพราะว่า เรามีประสบการณ์กับพระเจ้า ทางๆนี้เป็นทางที่ใช่มากกว่า เราเจอทางที่เราทำแล้วรู้สึกดีกว่า สันติสุขมากกว่าทางเดิมที่เคยทำมา ถึงแม้จะมีข้อหักล้างกันแต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากจะกลับไปทางเดิม มันอาจจะจริงที่เพราะเราแสวงด้วยตัวเอง ทำตัวเอง ยึดมั่นในตัวเอง สิ่งดีๆ เลยเกิด แต่ว่าเมื่อเรามีพระเจ้าเข้ามา ก็เป็นสิ่งที่ดีกว่าไม่ใช่เหรอที่จะมีสิ่งที่ยึดจิตใจเราให้เกิดสันติสุขมากกว่าเดิม และผ่อนแรงเราให้ไปเร็วกว่าเดิม เปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นกว่าเดิม หลุดพ้นจากปัญหามากกว่าเดิม เพราะทุกสิ่งเรายอมต่อพระเจ้า เปิดใจให้พระเจ้านำทางเรา วางใจในทุกทาง ทำตามพระวจนะ ปฎิบัติตาม และมันก็เกิดผลจริงๆ และเชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเราจะดีกว่าแน่นอน
สภษข้อ 7 บอกว่า อย่าคิดว่าตนฉลาด จงยำเกรงพระเจ้า และหันจากความชั่วร้าย”
“อย่าคิดว่าตัวเองฉลาด” คือ อย่าฉลาดด้วยความรู้ของมนุษย์ ซึ่งจะเป็นเหตุที่ทำให้ประพฤติตนโดยไม่พึ่งพาพระวจนะของพระเจ้า
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดๆ เข้าเรา เราควรที่จะเชื่อแระวางใจ ยึดมั่นในพระสัญญาของพระเจ้า สิ่งสำคัญคือพระคำของพระเจ้า ที่มีอยู่ในใจเรา เราจะไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดๆ อย่าบอกตัวเองว่า รู้แล้ว อ่านแล้ว เข้าใจแล้ว เพราะพระเจ้ามีอะไรมากกว่าที่คิด
แต่...
คนส่วนใหญ่จะวางใจในความรู้ของเขาเอง ซึ่งอาจจะรวมทั้งเราด้วย ไม่ได้พึ่งพาความรอบรู้ของพระเจ้าจึงทำให้ขาดการไว้วางใจในพระเจ้า หลายคนอ่านพระคัมภีร์แล้วก็ยังไม่รับการปลดปล่อย เพราะไม่สามารถวางใจพระสัญญาตามถ้อยคำของพระเจ้าได้
บางคนอาจจะมีความรู้มากในโลก มีประสบการณ์มาก ประสบความสำเร็จมาก แต่ถ้าเขาขาดความยำเกรงพระเจ้า ด้วยการไม่ฟังและปฏิเสธถ้อยคำของพระเจ้า ไม่ถ่อมใจ ไม่เปลี่ยนแปลง ศึกษาทฤษฎีของโลกมากกว่าพระคัมภีร์ หรือฟังความคิดของคนในโลกมากกว่าฟังถ้อยคำของพระเจ้า ซึ่งนั่นก็ยากที่จะรับการสำแดงให้เข้าใจข้อความล้ำลึกที่อยู่ในพระคัมภีร์ได้ เพราะเขาพึ่งพาความรู้ของตนเองมากเกินไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น