มานาประจำวันที่ 5 เมย 61- 2 พงศาวดาร 18:5-27

มานาประจำวันที่ 5 เมย 61- 2 พงศาวดาร 18:5-27

18:5แล้วพระราชาแห่งอิสราเอลก็เรียกประชุมพวกผู้เผยพระวจนะ ประมาณสี่ร้อยคนตรัสกับเขาว่า "ควรที่เราจะไปตีราโมทกิเลอาดหรือ หรือเราไม่ควรไป" และเขาทั้งหลายทูลตอบว่า "ขอเชิญเสด็จไปเถิด เพราะพระเจ้าจะทรงมอบไว้ในพระหัตถ์ของพระราชา" 18:6แต่เยโฮชาฟัททูลว่า "ที่นี่ไม่มีผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าอีกสักคนหนึ่งหรือซึ่งเราจะสอบถามได้" 18:7และพระราชาแห่งอิสราเอลทูลเยโฮชาฟัทว่า "ยังมีชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งเราจะให้ทูลถามพระเจ้าได้ แต่ข้าพเจ้าชังเขา เพราะเขาเผยแต่ความร้ายเสมอ ไม่เคยเผยความดีเกี่ยวกับข้าพเจ้าเลย คนนั้นคือมีคายาห์บุตรอิมลาห์" และเยโฮชาฟัททูลว่า "ขอพระราชาอย่าตรัสดั่งนั้นเลย" 18:8แล้วพระราชาแห่งอิสราเอลจึงเรียกมหาดเล็กคนหนึ่งเข้ามาและตรัสสั่งว่า "ไปพามีคายาห์บุตรอิมลาห์มาเร็วๆ" 18:9ฝ่ายพระราชาแห่งอิสราเอลและเยโฮชาฟัทพระราชาแห่งยูดาห์ ต่างประทับบนพระที่นั่ง ทรงฉลองพระองค์อันงาม ณลานนวดข้าวตรงทางเข้าประตูเมืองสะมาเรีย และผู้เผยพระวจนะทั้งปวงก็เผยพระวจนะถวายอยู่ 18:10และเศเดคียาห์บุตรเคนาอะนาห์ จึงเอาเหล็กทำเป็นเขา และพูดว่า "พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "ด้วยสิ่งเหล่านี้ เจ้าจะผลักคนซีเรียไปจนเขาทั้งหลายถูกทำลาย"" 18:11และบรรดาผู้เผยพระวจนะก็เผยอย่างนั้น ทูลว่า "ขอเสด็จไปราโมทกิเลอาดเถิด และจะมีชัยชนะ เพราะพระเจ้าจะทรงมอบเมืองนั้นไว้ในพระหัตถ์ของพระราชา" 18:12และผู้สื่อสารผู้ไปตามมีคายาห์ได้บอกท่านว่า "ดูเถิด ถ้อยคำของบรรดาผู้เผยพระวจนะก็พูดสิ่งที่เป็นมงคลแก่พระราชาดุจปากเดียวกัน ขอให้ถ้อยคำของท่านเหมือนอย่างถ้อยคำของคนหนึ่งในพวกนั้น และพูดแต่สิ่งที่เป็นมงคล" 18:13แต่มีคายาห์ตอบว่า "พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัสว่าอย่างไรข้าพเจ้าจะพูดอย่างนั้น" 18:14และเมื่อท่านมาเฝ้าพระราชา พระราชาตรัสถามท่านว่า "มีคายาห์ ควรที่เราจะไปตีราโมทกิเลอาดหรือ หรือเราไม่ควรไป" และท่านทูลตอบพระองค์ว่า "ขอเชิญเสด็จขึ้นไป และจะมีชัยชนะ เขาทั้งหลายจะถูกมอบไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์" 18:15แต่พระราชาตรัสกับท่านว่า "เราได้ให้เจ้าปฏิญาณกี่ครั้งแล้วว่า เจ้าจะพูดกับเราแต่ความจริงในพระนามของพระเจ้า" 18:16และท่านทูลว่า "ข้าบาทได้เห็นคนอิสราเอลทั้งปวงกระจัดกระจายอยู่บนภูเขา อย่างแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยงและพระเจ้าตรัสว่า "คนเหล่านี้ไม่มีนาย ให้เขาต่างกลับยังเรือนของตนโดยสวัสดิภาพเถิด" 18:17พระราชาแห่งอิสราเอลจึงทูลเยโฮชาฟัทว่า "ข้าพเจ้ามิได้บอกท่านแล้วหรือว่า เขาจะไม่เผยสิ่งดีเกี่ยวกับข้าพเจ้าเลย แต่สิ่งชั่วร้ายต่างหาก" 18:18และมีคายาห์ทูลว่า "ฉะนั้นขอสดับพระวจนะของพระเจ้า ข้าพระบาทได้เห็นพระเจ้าประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ และบรรดาบริวารแห่งฟ้าสวรรค์ยืนข้างๆ พระองค์ ข้างขวาพระหัตถ์และข้างซ้าย 18:19และพระเจ้าตรัสว่า "ผู้ใดจะเกลี้ยกล่อมอาหับพระราชาแห่งอิสราเอล เพื่อเขาจะขึ้นไปและล้มลงที่ราโมทกิเลอาด" บ้างก็ทูลอย่างนี้ บ้างก็ทูลอย่างนั้น 18:20แล้วมีวิญญาณดวงหนึ่งมาข้างหน้าเฝ้าต่อพระพักตร์พระเจ้าทูลว่า "ข้าพระองค์จะเกลี้ยกล่อมเขาเอง" และพระเจ้าตรัสกับเขาว่า "จะทำอย่างไร" 18:21และเขาทูลว่า "ข้าพระบาทจะออกไปและจะเป็นวิญญาณมุสาอยู่ในปากของผู้เผยพระวจนะของเขาทุกคน" และพระองค์ตรัสว่า "เจ้าไปเกลี้ยกล่อมเขาได้ และเจ้าจะทำได้สำเร็จ จงไปเถิด" 18:22เพราะฉะนั้น ดูเถิด พระเจ้าทรงใส่วิญญาณมุสาในปากของเหล่าผู้เผยพระวจนะของฝ่าพระบาท พระเจ้าทรงลั่นพระวาจาเป็นความร้ายเกี่ยวกับฝ่าพระบาท" 18:23แล้วเศเดคียาห์บุตรเคนาอะนาห์ได้เข้ามาใกล้และตบแก้มมีคายาห์พูดว่า "พระวิญญาณของพระเจ้าไปจากข้าพูดกับเจ้าได้อย่างไร" 18:24และมีคายาห์ตอบว่า "ดูเถิด เจ้าจะเห็นในวันนั้น เมื่อเจ้าเข้าไปในห้องชั้นในเพื่อจะซ่อนตัวเจ้า" 18:25และพระราชาแห่งอิสราเอลตรัสว่า "จงจับมีคายาห์ พาเขากลับไปมอบให้อาโมนผู้ว่าราชการเมือง และแก่โยอาชราชโอรส 18:26และว่า "พระราชาตรัสดังนี้ว่า เอาคนนี้จำคุกเสีย ให้อาหารนักโทษกับน้ำเท่านั้น จนกว่าเราจะกลับมาโดยสวัสดิภาพ" 18:27และมีคายาห์ทูลว่า "ถ้าฝ่าพระบาทเสด็จกลับมาโดยสวัสดิภาพ พระเจ้าก็มิได้ตรัสโดยข้าพระบาท" และท่านกล่าวว่า "บรรดาชนชาติทั้งหลายเอ๋ย ขอจงฟังเถิด"

แตกต่างในสิ่งที่ถูกต้องแม้จะไม่ถูกใจใคร

เรื่องราวของ กษัตริย์อาหับผู้ชั่วร้ายแห่งอิสราเอล จะไปออกรบกับราโมทกิเลอาด เขาได้เรียกผู้เผยพระวจนะ 400 คน มาถามว่า ควรจะไปหรือยับยั้งไว้ดี เขาเหล่านั่นให้คำตอบว่า ไปเลยพระเจ้าข้า "พระเจ้าจะมอบดินแดนนั้นไว้ในพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท" แต่ก็ยังไม่แน่ใจในคำตอบที่ได้เลยเรียก มีคายาห์ ผู้ที่พูดในสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผย แต่ไม่ได้พูดในสิ่งที่อาหับพอใจ เขาได้ทำตรัสกับอาหับว่า
" ข้าพเจ้าเห็นอิสราเอลทั้งปวงกระจัดกระจายไปตามภูเขาต่างๆ เหมือนแกะไม่มีคนเลี้ยง"
อาหับไม่เชื่อและไม่พอใจกับคำตอบที่ได้รับ และยังจับมีคายาห์ขังคุกจนกว่าจะรบชนะกลับมา ผลสุดท้ายเขาต้องตายในสนามรบ

คำถามคือทำไมกษัตย์อาหับได้คำตอบจากผู้เผยพระวจนะถึง 400 คนแล้วยังไม่เชื่อในเสียงนั้นอีก  หรือเขาอาจจะไม่มั่นใจในผู้เผยพระวจนะใน 400 คนนั้น เขาจึงแสวงหาคำตอบ สุดท้ายพระเจ้าก็ให้คำตอบผ่านมีคายาห์ แต่ก็ไม่เป็นที่พอใจในคำตอบที่ได้รับ และปฎิเสธเสียงของพระเจ้าที่พูดผ่านมีคายาห์  ก็คงเหมือนเราที่ไม่ฟังเสียงของคนอื่น ชอบทำตามความคิดที่ตัวเองพอใจ และเอามาตัดสินเหตุการ์ณบางอย่าง พอเจอคนที่ไม่เห็นด้วยก็ปฎิเสธโดยไม่ฟังเหตุผลใดๆทั้งสิ้น

ทำไม มีคายาห์ยึดมั่นในเสียงของพระเจ้าและพูดในความจริงให้อาหับฟัง แต่สุดท้ายเขาก็ได้รับผลร้ายคืนมาโดยถูกขังคุกเพราะพูดไม่ถูกใจอาหับ นี้อาจจะเป็นเหตุให้ผู้เผยพระ 400 คนนั้นไม่กล้าที่จะพูดความจริงก็ได้  ตัวเราก็เช่นกัน บางทีเรื่องที่คิดว่ามันถูกต้องกว่าสิ่งที่คนอื่นคิด แต่ด้วยเสียงส่วนมากก็เลยเออออไปกับเขาด้วย เขาว่าไงเราก็ว่าอย่างนั้น ไม่ยอมแตกต่างเพราะกลัวไม่เหมือนคนอื่น

การพูดความจริง อาจจะเป็นส่วนน้อยที่คนส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วย และอาจจะต้องทนทุกข์ทรมารกับสิ่งที่เราพูดออกไป แต่ส่วนมาก ทำไมคนเราถึงไม่พูดความจริง เพราะเรากลัวจะพูดให้คนอื่นไม่พอใจหรือ?

การเชื่อฟังพระเจ้าอาจจะไม่ได้รับประกันว่าจะเกิดผลดีเสมอไป แท้จริงแล้วการเชื่อฟังอาจทำให้เกิดผลร้ายด้วยซ้ำ แต่การทนทุกข์เพราะมนุษย์ไม่พอใจก็ยังดีกว่าทนทุกข์เพราะพระเจ้าทรงพระพิโรธ cr.คองเกรส

ข้าแต่พระเจ้าพระบิดา ขอทรงสอนให้ลูกเชื่อฟังเสียงของพระองค์ ให้ลูกกล้าที่จะแตกต่างในสิ่งที่ถูกต้องแม้จะไม่ถูกใจใคร อธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คำอธิฐานต่างๆ

คำอธิฐาน

อธิษฐานและนมัสการ ภาษาอังกฤษ