มานาวันที่ 3 ตค 61-มาระโก 10:46-52
มานาวันที่ 3 ตค 61-มาระโก 10:46-52
10:46ฝ่ายพระเยซูกับพวกสาวกมายังเมืองเยรีโค และเมื่อพระองค์เสด็จออกจากเมืองเยรีโค กับพวกสาวกและประชาชนเป็นอันมาก มีคนตาบอดคนหนึ่งชื่อ บารทิเมอัส ซึ่งเป็นบุตรของทิเมอัส นั่งขอทานอยู่ที่ริมหนทาง 10:47เมื่อคนนั้นได้ยินว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธเสด็จมา จึงร้องเสียงดังว่า "ท่านเยซู บุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงเมตตาข้าพระองค์เถิด" 10:48มีหลายคนห้ามให้เขานิ่งเสีย แต่เขายิ่งร้องเสียงดังขึ้นว่า "บุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงเมตตาข้าพระองค์เถิด" 10:49พระเยซูทรงหยุดประทับยืนอยู่ แล้วตรัสสั่งให้เรียกคนนั้นมา เขาจึงเรียกคนตาบอดนั้นว่าแก่เขาว่า "จงชื่นใจและลุกขึ้นเถิด พระองค์ทรงเรียกเจ้า" 10:50คนนั้นก็ทิ้งผ้าห่มเสีย ลุกขึ้นมาหาพระเยซู 10:51พระเยซูจึงตรัสถามเขาว่า "เจ้าปรารถนาจะให้เราทำอะไรให้เจ้า" คนตาบอดนั้นทูลพระองค์ว่า "พระอาจารย์เจ้าข้า ขอโปรดให้ตาข้าพระองค์เห็นได้" 10:52พระเยซูตรัสแก่เขาว่า "จงไปเถิด ความเชื่อของเจ้าได้กระทำให้เจ้าหายปกติแล้ว" ในทันใดนั้นคนตาบอดนั้นก็เห็นได้ และได้เดินทางตามพระองค์ไปวางใจแล้วจะได้รับ
คนตาบอดที่มองไม่เห็น เขาไม่รู้ ไม่เคยเห็นพระเยซูด้วยซ้ำ แค่เขาได้ยิน แค่เขารู้ว่าพระเยซูอยู่ที่ไหน เขาก็เรียกร้องหา อย่างไม่กลัว และขอในสิ่งที่คนอื่นคิดว่าเป็นไปไม่ได้ คือขอให้เขาหายตาบอด ด้วยความเชื่อของเขา ทำให้เขาได้รับการรักษาและหายจากการตาบอดอย่างน่าอัศจรรย์
ตัวอย่างนี้ทำให้เห็นว่า สิ่งที่เกินกว่าที่เราจะทำได้นั้น แค่เราเข้าไปหาเรียกหาพระองค์ อย่างสุดใจ เราก็จะได้รับในสิ่งนั้นอย่างแน่นอน หลายๆครั้งที่เรารู้สึกว่า มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก มันจะเป็นไปได้ยังไง แต่พระเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ทำได้ ในทุกๆสิ่ง การวางใจและเชื่อในพระเจ้านั้น การเรียกหาพระเจ้านั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก แต่ส่วนมากเราจะไม่ค่อยจะพึ่งพาพระองค์ เราชอบใช้กำลังของตัวเองก่อนที่จะเรียกหาพระองค์ มันเลยเหนื่อย กลายเป็น ท้อแท้ สิ้นหวัง สุดท้ายก็ถดถอยในที่สุด น่าเสียดาย ที่เรารู้ว่าพระองค์อยู่เคียงข้างเรา พร้อมจะรับฟังคำขอของเราเสมอ แต่เราไม่ค่อยที่จะเข้าหาพระองค์ก่อนที่จะแก้ไขปัญหา
ขอบคุณพระเจ้า วันนี้พระองค์ได้มาย้ำเตือนเราอีกครั้ง ที่เราจะเข้าหาพระองค์ก่อน อธิษฐานหาพระองค์ก่อนที่จะทำสิ่งใด เพราะเรารู้ว่าหนทางข้างหน้ามันยากลำบาก เราเลยต้องพึ่งในพระองค์ พึ่งพาในฤทธิ์อำนาจของพระองค์ มากกว่าที่จะพึ่งพาตัวเอง เพราะเรารู้แล้วว่า การพึ่งตัวเองนั้นมันเหนื่อยมากเพียงใด แต่ถ้าเราพึ่งพาในพระเจ้า เราก็จะเหนื่อยน้อยลง เหมือนมีเครื่องทุ่นแรงให้เราเดินก้าวไปในข้างหน้าได้เร็วกว่า อย่างคำที่พี่น้องได้บอกไว้ว่า อธิษฐานมาก เหนื่อยน้อย อธิษฐานน้อยเหนื่อยมาก
ขอบคุณพระเจ้าที่วันนี้พระองค์ทรงบอกลูกให้พึ่งพาพระองค์อีกครั้ง แม้ในวันนี้ลูกไม่มีใคร แม้ในวันนี้ลูกคิดว่าอยู่คนเดียว แต่พระองค์ทรงบอกลูกว่ายังมีพระองค์อยู่เคียงข้างลูกเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน พระองค์ทรงรอให้ลูกเรียกหาพระองค์ ทุกครั้ง ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข พระองค์คอยฟังลูกอยู่เสมอ ขอบคุณพระองค์เจ้าขา ที่ทรงรักลูก และมอบสิ่งดีๆให้กับลูกเสมอ ขอยกโทษความผิดบาปให้ลูกด้วยที่ลูกดื้อ และขี้เเกียจที่จะเฝ้าเดี่ยว เฝ้าหาพระองค์ ในเวลาที่ผ่านมา ทำให้ลูกทุกข์ใจ เพราะลูกขาดการติดต่อกับพระองค์ ไม่พึ่งพาพระองค์อย่างสุดใจ ขอชำระความคิดที่ต้องการจะตีห่างจากพระองค์ให้ลูกด้วย ความคิดที่น้อยใจ เสียใจ คิดลบต่างๆนาๆ ขอพระองค์ทรงฟื้นฟูจิตใจลูกด้วย ที่จะเป็นคนที่ใช้การได้ เป็นคนที่พระองค์ทรงรักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความเข้าใจและใส่ใจในพระองค์มากขึ้น ลูกขอขอบคุณพระองค์ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น