บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก สิงหาคม, 2018

มานาประจำวันที่ 1 กย 61 - มัทธิว 18:1-10

มานาประจำวันที่ 1 กย 61 - มัทธิว 18:1-10 18:1 ในเวลานั้นเหล่าสาวกมาเฝ้าพระเยซูทูลว่า "ใครเป็นใหญ่ในแผ่นดินสวรรค์"  18:2 พระเยซูจึงทรงเรียกเด็กเล็กๆคนหนึ่งมาให้ยืนท่ามกลางเขา  18:3 แล้วตรัสว่า "เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าพวกท่านไม่กลับใจเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ท่านจะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ไม่ได้เลย  18:4 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดถ่อมจิตใจลงเหมือนเด็กเล็กคนนี้ ผู้นั้นจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินสวรรค์  18:5 "ถ้าผู้ใดจะรับเด็กเล็กเช่นนี้คนหนึ่งในนามของเรา ผู้นั้นก็รับเราด้วย  18:6 แต่ผู้ใดจะทำผู้เล็กน้อยเหล่านี้คนหนึ่งที่วางใจในเราให้หลงผิด ถ้าเอาหินโม่ก้อนใหญ่ผูกคอผู้นั้นถ่วงเสียที่ทะเลลึกก็ดีกว่า  18:7 "วิบัติแก่โลกนี้ด้วยเหตุให้หลงผิด ถึงจำเป็นต้องมีเหตุให้หลงผิด แต่วิบัติแก่ผู้ที่ก่อเหตุให้หลงผิดนั้น  18:8 ถ้ามือหรือเท้าของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงตัดทิ้งเสีย ซึ่งจะเข้าในชีวิตนิรันดร์ด้วยมือและเท้าด้วน หรือพิการยังดีกว่ามีสองมือสองเท้า และต้องถูกทิ้งในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์  18:9 ถ้าตาของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงควักออกทิ้งเสีย ซึ่งจะเข้าในชีวิตด้วยตาข้างเดียว...

มานาประจำวันที่ 31 สค 61 - กิจการ 2:14-21

มานาประจำวันที่ 31 สค 61 - กิจการ 2:14-21 2:14 ฝ่ายเปโตรได้ยืนขึ้นกับอัครทูตสิบเอ็ดคน และได้กล่าวแก่คนทั้งปวงด้วยเสียงอันดังว่า " ท่านชาวยูเดียและบรรดาคนที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม จงทราบเรื่องนี้และฟังถ้อยคำของข้าพเจ้าเถิด  2:15 ด้วยว่าคนเหล่านี้มิได้เมาเหล้าองุ่นเหมือนอย่างที่ท่านคิดนั้น เพราะว่าเป็นเวลาสามโมงเช้า  2:16 แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตามคำซึ่งโยเอลผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้ว่า  2:17" พระเจ้าตรัสว่าในวาระสุดท้าย เราจะเทฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของเราโปรดประทานแก่มนุษย์ทั้งปวง บุตราบุตรีของท่านทั้งหลายจะกล่าวคำพยากรณ์ คนหนุ่มของท่านจะเห็นนิมิต และคนแก่จะฝันเห็น  2:18 ในคราวนั้น เราจะเทฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของเราบนทาสทาสีของเรา และคนเหล่านั้นจะกล่าวคำพยากรณ์  2:19 เราจะสำแดงการอัศจรรย์ในอากาศเบื้องบน และนิมิตที่แผ่นดินเบื้องล่าง เป็นเลือด ไฟ และไอควัน  2:20 ดวงอาทิตย์จะมืดไป และดวงจันทร์จะกลับเป็นเลือด ก่อนถึงวันใหญ่นั้น คือวันใหญ่ยิ่งของพระเจ้า  2:21 และจะเป็นเช่นนี้คือ ทุกคนซึ่งได้ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด พรุ่งนี...

มานาประจำวันที่ 29 สค 61-มาลาคี 1:1-5

มานาประจำวันที่ 29 สค 61- มาลาคี 1:1-5 1:1 พระวจนะของพระเจ้าที่มีต่ออิสราเอลโดย มาลาคี { หรือ ทูตของเรา } 1:2 พระเจ้าตรัสว่า " เราได้รักเจ้าทั้งหลาย "  แต่ท่านทั้งหลายพูดว่า " พระองค์ได้ทรงรักข้าพระองค์สถานใด " พระเจ้าตรัสว่า " เอซาวเป็นพี่ชายของยาโคบมิใช่หรือ เราก็ยังรักยาโคบ  1:3 แต่เราได้เกลียดเอซาว เราได้กระทำให้เทือกเขาของเขาร้างเปล่า และมอบมรดกของเขาให้แก่หมาป่าแห่งถิ่นทุรกันดาร " 1:4 เมื่อเอโดมกล่าวว่า " เราถูกทำลายลงแล้ว แต่เราจะกลับมาสร้างที่สลักหักพังขึ้นใหม่ " พระเจ้าจอมโยธาก็ตรัสตอบว่า " เขาทั้งหลายจะสร้างขึ้นก็ได้ แต่เราก็จะรื้อลงเสีย จนคนจะเรียกกันว่าเป็นเมืองชั่วร้าย เป็นชนชาติที่พระเจ้าทรงกริ้วอยู่เป็นนิตย์ " 1:5 ตาของเจ้าเองจะเห็นสิ่งนี้ และเจ้าจะกล่าวว่า " พระเจ้านี้ใหญ่ยิ่งนักแม้กระทั่งนอกเขตแดนของอิสราเอล " ความรักของพระเจ้าที่ไร้ขีดจำกัด ความสงสัยในความรักที่มีต่อพระเจ้านั้น จะไม่มีถ้าหากเรามีประสบการณ์กับพระเจ้า เพราะว่าในทุกๆวัน ทุกเหตุการณ์ที่เราเจอ เรามักจะพบเ...

มานาประจำวัน ที่ 22 สค 61 - ปฐมกาล 3:1-13

มานาประจำวัน ที่ 22 สค 61 - ปฐมกาล 3:1-13 3:1 ในบรรดาสัตว์ป่าที่พระเจ้าทรงสร้างนั้น งูฉลาดกว่าหมด มันถามหญิงนั้นว่า "จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่า 'อย่ากินผลจากต้นไม้ใดๆ ในสวนนี้'  3:2 หญิงนั้นจึงตอบงูว่า "ผลของต้นไม้ต่างๆ ในสวนนี้เรากินได้  3:3 เว้นแต่ผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนนั้น พระเจ้าตรัสห้ามว่า 'อย่ากินหรือถูกต้องเลย มิฉะนั้นจะตาย'  3:4 งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่า "เจ้าจะไม่ตายจริงดอก  3:5 เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่า เจ้ากินผลไม้นั้นวันใด ตาของเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า คือสำนึกในความดีและความชั่ว"  3:6 เมื่อหญิงนั้นเห็นว่า ต้นไม้นั้นน่ากิน และน่าดูด้วย ทั้งเป็นต้นไม้ที่มุ่งหมายจะให้เกิดปัญญา จึงเก็บผลไม้นั้นมากิน แล้วส่งให้สามีกินด้วย เขาก็กิน  3:7 ตาของเขาทั้งสองคนก็สว่างขึ้น จึงสำนึกว่าตนเปลือยกายอยู่ ก็เอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดร่างไว้  3:8 เวลาเย็นวันนั้น เขาทั้งสองได้ยินเสียงพระเจ้าเสด็จดำเนินอยู่ในสวน ชายนั้นกับภรรยาก็หลบไปซ่อนตัวอยู่ในหมู่ต้นไม้ในสวนนั้น ให้พ้นจากพระพักตร์พระเจ้า  3:9 พระเจ้าทรงเรียกชายน...

มานาประจำวันที่ 18 สิงหาคม 61-สดุดี102

มานาประจำวันที่ 18 สิงหาคม 61-สดุดี102 102:1 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ขอเสียงร้องของข้าพระองค์มาถึงพระองค์ 102:2 ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากข้าพระองค์ในวันทุกข์ใจของข้าพระองค์ ขอทรงเงี่ยพระกรรณฟังข้าพระองค์ ขอทรงตอบข้าพระองค์โดยเร็วเมื่อข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์ 102:18 ขอบันทึกเรื่องนี้ไว้ให้ชาตพันธุ์ที่จะมีมา เพื่อประชาชนที่ยังจะทรงสร้างมานั้นจะได้สรรเสริญพระเจ้า 102:19 บันทึกว่า พระองค์ทอดพระเนตรลงมาจากที่สูงอันบริสุทธิ์ของพระองค์ จากฟ้าสวรรค์ พระเจ้าทอดพระเนตรแผ่นดินโลก 102:20 เพื่อทรงฟังเสียงร้องครางของเชลย เพื่อทรงปล่อยคนที่ต้องถึงตายให้เป็นอิสระ 102:21 เพื่อมนุษย์จะประกาศพระนามของพระเจ้าในศิโยนและกล่าวสรรเสริญพระองค์ในเยรูซาเล็ม 102:22 ขณะเมื่อชนชาติทั้งหลายรวบรวมกัน ทั้งบรรดาราชอาณาจักรเพื่อนมัสการพระเจ้า 102:23 พระองค์ทรงหักกำลังของข้าพเจ้ากลางทาง พระองค์ทรงกระทำให้วันเวลาของข้าพเจ้าสั้นเข้า 102:24 ข้าพเจ้าว่า "ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขออย่าทรงนำข้าพระองค์ไปเสีย ในกึ่งกลางวันเวลาของข้าพระองค์ พระองค์ ผู้ปีเดือนดำรงอยู...

มานาประจำวันที่ 17 มีนาคม 2561-มัทธิว 14:22-33

มานาประจำวันที่ 17 มีนาคม 2561- มัทธิว 14:22 -33 14:22 ครั้นแล้วพระองค์ได้ตรัสให้เหล่าสาวกลงเรือข้ามฟากไปก่อน ส่วนพระองค์ทรงรอส่งประชาชนกลับบ้าน  14:23 และเมื่อให้ประชาชนเหล่านั้นไปหมดแล้ว พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาโดยลำพังเพื่ออธิษฐาน เวลาก็ดึกลง พระองค์ยังทรงอยู่ที่นั่นแต่ผู้เดียว  14:24 ในขณะนั้นเรืออยู่กลางทะเลแล้ว และถูกคลื่นโคลงเพราะทวนลมอยู่  14:25 ครั้นเวลาสามยามเศษ พระองค์จึงทรงดำเนินบนน้ำทะเลไปยังเหล่าสาวก  14:26 เมื่อเหล่าสาวกเห็นพระองค์ทรงดำเนินมาบนทะเลเขาก็ตกใจนัก ร้องอึงไปเพราะกลัว คิดว่าเป็นผี  14:27 ในทันใดนั้นพระเยซูตรัสกับเขาว่า "ทำใจให้ดีไว้เถิด เราเอง อย่ากลัวเลย"  14:28 ฝ่ายเปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว ขอทรงโปรดบอกให้ข้าพระองค์เดินบนน้ำไปหาพระองค์"  14:29 พระองค์ตรัสว่า "มาเถิด" เปโตรจึงลงจากเรือเดินบนน้ำไปหาพระเยซู  14:30 แต่เมื่อเขาเห็นลมพัดแรงก็กลัว และเมื่อกำลังจะจมก็ร้องว่า "พระองค์เจ้าข้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย"  14:31 ในทันใดนั้นพระเยซูทรงเอื้อมพระหัตถ์จับเขาไว้ แล้วตรัสว่า "ท่านสงสัย...

มานาประจำวันที่ 16 สค 61 - ยอห์น 6:32-40

มานาประจำวันที่ 16 สค 61 - ยอห์น 6:32-40 6:32 พระเยซูก็ตรัสกับเขาว่า " เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มิใช่โมเสสที่ให้อาหารจากสวรรค์นั้นแก่ท่าน แต่พระบิดาของเราประทานอาหารแท้ซึ่งมาจากสวรรค์ ให้แก่ท่านทั้งหลาย  6:33 เพราะว่าอาหารของพระเจ้านั้น คือท่านที่ลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้แก่โลก " 6:34 เขาทั้งหลายจึงทูลพระองค์ว่า " ท่านเจ้าข้า โปรดให้อาหารนั้นแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายเสมอไปเถิด " 6:35 พระเยซูตรัสกับเขาว่า " เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิว และผู้ที่วางใจในเรา จะไม่กระหายอีกเลย  6:36 แต่เราได้บอกท่านทั้งหลายแล้วว่า ท่านได้เห็นเราแล้วแต่ก็ไม่เชื่อ  6:37 สารพัดที่พระบิดาทรงประทานแก่เรา จะมาสู่เรา และผู้ที่มาหาเรา เราก็จะไม่ทิ้งเขาเลย  6:38 เพราะว่าเราได้ลงมาจากสวรรค์ มิใช่เพื่อกระทำตามความประสงค์ของเราเอง แต่เพื่อกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา  6:39 และพระประสงค์ของพระบิดาผู้ทรงใช้เรามานั้น ก็คือให้เรารักษาบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงมอบไว้กับเรา มิให้หายไปสักคนเดียว แต่ให้ฟื้นขึ้นมาในวันที่สุด  ...

ส่งรายงาน

ช่วงที่ 1 แนะนำอ.ผู้สอน อ.สตีฟ เทย์เลอร์ มิชชันนารีจากอังกฤษ อยู่เมืองไทย 30 ปี ภรรยาเป็นฟิลิปปิน มีลูกชาย 2 คน 1.คำอธิบายวิชา พื้นฐานของศาสนศาตร์ให้เข้ากับบริบทไทยมากที่สุด ภาคแรก ศึกษาเรื่องของพระเจ้า พระคัมภีร์ วิธีที่เราจะรู้จักพระเจ้าโดยทั่วไป เบื้องต้นที่เราจะสามารถคิดแบบ ศาสนศาสตร์ได้   - จุดประสงค์และผลลัพธ์ของการเรียนคือ ศึกษาความจริงกับพระเจ้า จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับเราในชีวิตประจำวัน เปลี่ยนแปลงท่าทีภายในของเราต่อพระองค์ เข้าใจหลักของพระองค์ในฐานพระคำภีร์ ได้อย่างถูกต้อง สามารรถวิเคราะห์และเข้าใจพระเจ้าในพระคัมภีร์ให้ถูกต้องมากขึ้น และได้ผลลัพธ์ที่ได้เรียนเราสามารถนำไปสอนในคริสตรจักรได้ 3. กิจกรรมของวิชา   โดย อ.สตีฟ เทย์เลอร์ สอน และฟังความคิดเห็นจากนักเรียน ให้มีส่วนร่วมในการออกความคิดเห็น พูดคุยเกี่ยวกันคำถามที่สงสัย ไม่เข้าใจ สามารถพิมพ์ถามในแชทได้ 4. การบ้าน 4.1. หนังสือที่ต้องอ่าน อ่านหน้า 171-462;728-840;937-982 และสรุปสิ่งที่ได้จากการอ่าน 5 หน้า สรุปอะไรที่เป็นประโยชน์จริงๆต่อชีวิตของคุณจากการอ่าน หนังสือ ศาสนศาตร์คริ...

มานาประจำวันที่ 14 สค 61-อิสยาห์ 43:1-7

มานาประจำวันที่ 14 สค 61-อิสยาห์ 43:1-7 43:1 บัดนี้ พระเจ้าผู้ได้สร้างท่านยาโคบ พระองค์ผู้ได้ทรงปั้นท่าน อิสราเอลตรัสดังนี้ว่า"อย่ากลัวเลย เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว เราได้เรียกเจ้าตามชื่อ เจ้าเป็นของเรา  43:2 เมื่อเจ้าลุยข้ามน้ำ เราจะอยู่กับเจ้า เมื่อข้ามแม่น้ำ น้ำจะไม่ท่วมเจ้า เมื่อเจ้าลุยไฟ เจ้าจะไม่ไหม้ และเปลวเพลิงจะไม่เผาผลาญเจ้า  43:3 เพราะเราเป็นพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลผู้ช่วยให้รอดของเจ้า เราให้อียิปต์เป็นค่าไถ่ของเจ้า ให้เอธิโอเปียและเสบาเพื่อแลกกับเจ้า  43:4 เพราะว่าเจ้าประเสริฐในสายตาของเรา และได้รับเกียรติและเรารักเจ้า เราจึงให้คนเพื่อแลกกับเจ้า ให้ชนชาติทั้งหลายเพื่อแลกกับชีวิตของเจ้า  43:5 อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า เราจะนำเผ่าพันธุ์ของเจ้ามาจากตะวันออก และเราจะรวบรวมเจ้ามาจากตะวันตก  43:6 เราจะพูดกับทิศเหนือว่า ปล่อยเถิด และกับทิศใต้ว่า อย่ายึดไว้ จงนำบรรดาบุตรชายของเรามาแต่ไกล และเหล่าธิดาของเราจากปลายแผ่นดินโลก  43:7 คือทุกคนที่เขาเรียกตามชื่อของเรา คือผู้ที่เราได้สร้างเพื่อพระสิริของเรา ผู้ที่เราได้ปั้นแล...

มานาประจำวันที่ 11 สค 61 - โคโลสี 3:18-23

มานาประจำวันที่ 11 สค 61 - โคโลสี 3:18-23 3:18 ฝ่ายภรรยาจงยอมฟังสามีของตน ซึ่งเป็นการสมควรในองค์พระผู้เป็นเจ้า  3:19 ฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตน และอย่ามีใจขมขื่นต่อนาง  3:20 ฝ่...

มานาประจำวันที่ 7 สิงหาคม 2561-1 พงศ์กษัตริย์ 17:15-24

มานาประจำวันที่ 7 สิงหาคม 2561- 1 พงศ์กษัตริย์ 17:15-24 17:15 นางก็ไปกระทำตามคำของเอลียาห์ นาง ตัวท่านและครอบครัวของนางก็รับประทานอยู่หลายวัน  17:16 แป้งในหม้อก็ไม่หมดน้ำมันในไหก็ไม่ขาด ตามพระวจนะของพระเจ้าซึ่งตรัสทางเอลียาห์  17:17 และอยู่มาหลังจากนี้ บุตรชายของหญิงคนนั้นผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ล้มป่วย อาการป่วยนั้นก็สาหัส จนไม่มีลมหายใจเหลืออยู่แล้ว  17:18 นางจึงกล่าวแก่เอลียาห์ว่า "โอ คนของพระเจ้า เจ้าข้า ฉันมีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกับท่าน ท่านได้มาหาฉันเพื่อฟื้นให้ทรงระลึกถึงความผิดของฉัน และกระทำให้บุตรของฉันตาย"  17:19 และท่านก็พูดกับนางว่า "เอาบุตรของเจ้ามาให้ฉันเถิด" ท่านก็นำเขาไปจากอกของนาง อุ้มขึ้นไปที่ห้องชั้นบนที่อาศัยอยู่และวางเขาไว้บนที่นอนของท่านเอง  17:20 และท่านร้องทูลพระเจ้าว่า "ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงนำเหตุร้ายมาจนกระทั่งหญิงม่ายนี้ที่ข้าพระองค์อาศัยอยู่ด้วยทีเดียวหรือ โดยที่ทรงประหารบุตรของนางเสีย"  17:21 แล้วท่านก็เหยียดตัวลงทับเด็กนั้นสามครั้ง และร้องทูลพระเจ้าว่า "ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอชีวิต...

มานาประจำวันที่ 6 สิงหาคม 2561 - 1 เธสะโลนิกา 5:12-24

มานาประจำวันที่ 6 สิงหาคม 2561  - 1 เธสะโลนิกา 5:12-24 5:12 พี่น้องทั้งหลาย เราขอวิงวอนท่านให้นับถือคนที่ทำงานอยู่ในพวกท่าน ซึ่งปกครองท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้า และตักเตือนท่าน  5:13 จงเคารพและรักเขาให้มากเพราะงานที่เขาได้กระทำ จงอยู่อย่างสงบสุขด้วยกัน  5:14 และพี่น้องทั้งหลาย เราขอวิงวอนพวกท่านให้ตักเตือนคนที่เกียจคร้าน หนุนน้ำใจผู้ที่ท้อใจ ชูกำลังคนที่อ่อนกำลัง และมีใจอดเอาเบาสู้ต่อคนทั้งปวง  5:15 ระวังให้ดี อย่าให้คนใดทำชั่วตอบแทนการชั่ว แต่จงหาทางทำดีเสมอต่อพวกท่านเอง และต่อคนทั้งปวงด้วย  5:16 จงชื่นบานอยู่เสมอ  5:17 จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ  5:18 จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย  5:19 อย่าดับพระวิญญาณ  5:20 อย่าประมาทคำเผยข้อลับลึก  5:21 จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น  5:22 จงเว้นเสียจากสิ่งที่ชั่วทุกอย่าง  5:23 ขอให้องค์พระเจ้าแห่งสันติสุขทรงให้ท่านเป็นคนบริสุทธิ์หมดจด และทรงรักษาทั้งวิญญาณ จิตใจและร่างกายของท่านไว้ให้ปราศจากการติเตียน...

มานาประจำวันที่ 3 สิงหาคม 2561 - 3 ยอห์น 1

มานาประจำวันที่ 3 สิงหาคม 2561 - 3 ยอห์น 1       11 ท่านที่รัก อย่าเลียนแบบสิ่งที่ชั่ว แต่จงเลียนแบบสิ่งที่ดี คนที่ทำดีมาจากพระเจ้า คนที่ทำชั่วไม่เคยเห็นพระเจ้า เผชิญหน้าด้วยความจริง การยอมรับความจริงในข้อผิดพลาดของตัวเองนั้น เป็นเรื่องที่ยากสำหรับเรา ซึ่งมันรู้สึกเสียหน้ามากที่ใครจะมาบอกว่าเรา ทำไม่ได้ ทำไม่ดี หรือผิดพลาด ทำให้เรามีนิสัยโมโหง่าย แต่ขอบคุณพระเจ้า การที่เข้ามาเชื่อพระเจ้าทำให้เรามีพระวจนะคำที่ขัดเกลาเราให้เรายอมรับกับความผิดพลาดได้มากขึ้น ทำให้เราเติบโตขึ้นและหาทางออกได้เร็วกว่าการที่เราจะปฎิเสธไม่ยอมรับมัน ทำให้เราสบายใจกว่าที่จะโกหกคืนอื่นว่า เราทำได้  เพราะการไม่ยอมรับความจริงทำให้เราไม่มีความสุข ซึ่งนั้นก็ไม่ใช่ผลดีเลยกับคนอื่นแม้แต่ตัวเราเอง  บางครั้งความจริงมันก็ทำให้เราเจ็บปวด และอยู่ยากในสังคมปัจจุบันนี้ สังคมที่ต้องดิ้นรน แกร่งแย่งแข่งขันกัน  ซึ่งทำให้คนเรา เลือกที่จะไม่เอาความจริงนำหน้า แต่เลือกที่จะสร้างภาพให้ตัวเองดูดีในสังคมแทน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่เราจะเป็นเช่นนั้น เพราะสังคมเราทุกวันนี้ก็ต้องปรับตัวเข้าหากันเพื่...

มานาประจำวันที่ 2 สค 61 สดุดี 107:1-16,3 5-36

มานาประจำวันที่ 2 สค 61 สดุดี 107:1-16,3 5-36 107:1จงโมทนาขอบพระคุณพระเจ้า เพราะพระองค์ประเสริฐเพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์  107:2ให้ผู้ที่พระเจ้าทรงไถ่ไว้แล้วกล่าวดังนั้นเถิด คือผู้ที่พระองค์ทรงไถ่ไว้จากมือของปรปักษ์ 107:3และรวบรวมเข้ามาจากแผ่นดินทั้งหลาย จากตะวันออก และจากตะวันตก จากเหนือและจากใต้ 107:4บ้างก็พเนจรอยู่ในป่าในที่แห้งแล้ง หาไม่พบทางที่จะเข้านครซึ่งพอจะอาศัยได้ 107:5หิวโหยและกระหาย จิตใจของเขาก็อ่อนระอาไปในตัวเขา 107:6แล้วในความยากลำบากของเขา เมื่อเขาร้องทูลพระเจ้า พระองค์ทรงช่วยกู้เขาจากความทุกข์ใจของเขา 107:7พระองค์ทรงนำเขาไปในทางตรง จนเขามาถึงนครซึ่งพอจะอาศัยได้ 107:8ให้เขาขอบพระคุณพระเจ้า เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ เพราะการอัศจรรย์ของพระองค์ที่มีต่อบุตรของมนุษย์ 107:9เพราะผู้ที่กระหาย พระองค์ทรงให้เขาอิ่ม และผู้ที่หิว พระองค์ทรงให้เขาหนำใจด้วยของดี 107:10บ้างก็นั่งอยู่ในความมืดและเงามัจจุราช ถูกขังอยู่ด้วยความทุกข์ยากและติดตรวน 107:11เพราะเขากบฏต่อพระวจนะของพระเจ้า และหยามคำปรึกษาขององค์ผู้สูงสุด...