วางใจในพระเจ้าเมื่อคุณไม่เข้าใจ
วางใจในพระเจ้าเมื่อคุณไม่เข้าใจ
หลังจากที่มีคำถามต่างๆนาๆ ที่ได้เจอในทุกๆวัน ได้ยินในทุกๆเรื่องที่เข้ามา มันทำให้เกิดความสงสัยต่างๆมากมาย ว่าทำไม ทำไม ทำไม อธิฐานถามพระเจ้าว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ ลูกไม่เข้าใจ มีความคิดวนไปวนมาอยู่ในหัวตลอดเวลา ถึงแม้จะถามผู้รู้ ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม ถึงจะอ่านพระวจนะ พระคำก็ยังคงมีคำถามมาตลอดเวลา ว่า ทำไม ทำไม (ตัวเองเป็นตัวคำถามเหรอ?)แล้วก็ได้คำตอบจากพระเจ้าเมื่อข้าพเจ้าเปิดดู youtube เรื่อง การวางใจในพระเจ้าเมื่อคุณไม่เข้าใจ
ของ จอยซ์ ไมเออร์ https://www.youtube.com/watch?v=4aho5Y_RGbw&t=2s
ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้คำตอบที่โดนใจ และชัดเจนกันสิ่งที่อธิฐานไว้ พระเจ้าตอบข้าพเจ้าผ่าน วีดีโอในเรื่องนี้ว่า
เราใช้เวลาในหัวมากเกินไป พยายามคิดหาทางออกกับทุกเรื่อง แทนที่เราจะเชื่อว่าพระเจ้าทรงดูแลอยู่
ไม่ว่าเราจะเจอสถานการ์ณที่เราไม่เข้าใจที่เกิดขึ้นกับเราในบางครั้ง ให้เราไว้วางใจในพระเจ้า อย่าพยายามหาทางเอง อย่าปล่อยให้ตัวเองสับสนวุ่นวาย อย่าวางใจในมนุษย์ ให้ไว้วางใจพระเจ้า และเชื่อมั่นว่าไม่มีอะไรเกินไปกว่า กำลังของพระองค์
ซึ่งมีคำพูดคำหนึ่งที่เหมือนพระเจ้ากำลังต่อว่าข้าพเจ้าอยุ่ว่า
บางครั้งข้าพเจ้าหวังว่าเรามีสิทธิที่จะรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วเราก็ใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตที่จะหาคำตอบกับทุกๆเรื่อง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่โง่เขลาเป็นอย่างมากที่เราอยากให้พระเจ้าอธิบายทุกเรื่องให้เรารู้ ซึ่งเราไม่จำเป็นจะต้องรู้เรื่องทุกเรื่องก็ได้ ถ้าเรารู้ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงรู้ เราจะเรียกพระองค์ว่าเป็นพระเจ้าอยู่ได้หรือป่าว อย่างนั้นเราก็มีฐานะเท่าเทียมกับพระองค์ซึ่งนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้นวิธีของพระองค์อยู่เหนือวิธีของเรา ความคิดของพระองค์อยู่เหนือความคิดของเรา และพระองค์ไม่อยากได้ยินคำว่า ทำไม พระเจ้า ทำไม แต่พระองค์อยากได้ยินว่าพระเจ้าลูกเชื่อในพระองค์ เราจะต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังพระเจ้า ไม่ใช่หาคำตอบในทุกเรื่อง เพราะนั้นเป็นการขัดขวางที่จะใช้ชีวิตกับพระเจ้า ขัดขวางการเติบโตของเรา เพราะเราใช้เวลามากมายในการค้นหาคำตอบ เราเสียเวลามากมายกับการสงสัย เพราะฉะนั้นวีดีโอเรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า อย่าเสียเวลากับการหาคำตอบเพราะยังไงเราก็ไม่สามารถหาคำตอบนั้นได้ แต่จะได้อะไรบางอย่างมาอัดเข้าในสมองของเราแทน ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่อยากเข้าใจเท่านั้น แต่เราต้องการการหยั่งรู้ มันคงไม่มีปัญหาอะไรถ้าเราจะถามพระเจ้าว่าทำไมสักครั้งหรือสองครั้ง แต่เมื่อไหร่ที่เราล้ำเส้นไปเป็นความสงสัยแล้ว นั้นหมายถึงเรากำลังเตลิดไปไกล แล้วเราก็ต้องถอยกลับมา และก็ยังไม่ได้คำตอบในสิ่งที่สงสัย เพราะอะไร "เพราะว่าพระเจ้าไม่ใช่ผู้สร้างความสงสัย " สิ่งที่พระเจ้าอยากได้ยินคือ โปรดเสริมกำลังลูกด้วย ให้ลูกมีกำลังเต็มที่ที่จะให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ ลูกจะไม่บ่น ไม่ตำหนิ ไม่สงสัย ไม่หาความผิดจากพระองค์ ไม่เรียกร้องคำตอบที่ลูกไม่รู้ ลูกเชื่อพระองค์ จงเปลี่ยนคำถามเป็นความเชื่อ
ป้าจอย ไมเออร์ บอกว่า
ความสุขเป็นของผุ้ที่เชื่อ แม้ว่ามันจะยังไม่เห็นคำตอบ ที่พวกเขามองหาอยุ่
ความสุขเป็นของผุ้ที่เชื่อ แม้ว่ายังไม่เข้าใจ จงรับใช้พระเจ้าด้วยความเชื่อในหัวใจ
ไม่ใช่ความคิด
สรุปว่า อย่าถามว่า ทำไม พระเจ้าทำอะไรอยุ่ ลูกไม่เข้าใจ ลูกคิดว่า ลูกนึกว่า !! จงเลิกคิด เลิกสงสัย จงกลับไปดูหัวใจเราเป็นอย่างไร เชื่อว่านี้คือสิ่งที่พระเจ้าอยากให้เราทำ และไม่ต้องพยายามไปหาคำตอบอะไรอีก และจงทำและรักพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจและไม่สงสัย
เอเมน...
..........................................................
วางใจในพระเจ้าเมื่อคุณไม่เข้าใจ
คำพูดจาก จอยซ์ ไมเออร์
https://www.youtube.com/watch?v=4aho5Y_RGbw&t=2s
สิ่งหนึ่งที่ตระหนักนั้น เกิดขึ้นก่อนที่เราจะพอใจและอิ่มเอมใจจริงๆ ก็คือเราจะต้องไปยังจุดของเราที่เราไม่จำเป็นจะต้องเข้าใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น เราจะพอใจโดยไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าใจ เราจะต้องมาถึงจุดที่จะต้องใช้ชีวิตของพระเจ้าทั้งๆที่มันดูเหมือนว่าจะไม่ยุติธรรม หรือรู้สึกไม่ถูกต้องที่จะรักพระเจ้ามากพอหรือเชื่อพระองค์มากพอที่เราจะรู้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรานั้นเพราะพระองค์ยังคงดูแลอยู่ถ้าเราเชื่อมั่นในพระองค์ พระองค์ก็จะทำให้มันเกิดผลดี
ในยอนห์20 : 29 พระเยซูตรัสกับเขาว่า
“เพราะท่านเห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ? ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข”
เราอยากจะเข้าใจพระองค์ แต่จริงๆแล้ววิธีของพระองค์นั้นเป็นเรื่องที่จะได้คำตอบเมื่อมันผ่านไปแล้ว เหมือนเรื่องของโยบ จริงๆแล้วถ้าเราเข้าใจพระองค์ พระองค์จะยังเป็นพระเจ้าของเราได้หรือ ถ้าเรารู้ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงรู้ เราจะเรียกพระองค์ว่าเป็นพระเจ้าอยู่ได้หรือป่าว อย่างนั้นเราก็มีฐานะเท่าเทียมกับพระองค์ซึ่งนั้นไม่มีทางเป็นไปได้
ดังนั้นวิธีของพระองค์อยู่เหนือวิธีของเรา ความคิดของพระองค์อยู่เหนือความคิดของเรา และพระองค์ไม่อยากได้ยินคำว่า ทำไม พระเจ้า ทำไม แต่พระองค์อยากได้ยินว่าพระเจ้าลูกเชื่อในพระองค์
มันเป็นเรื่องดีที่พระองค์ทรงเป็นเพื่อน เป็นคู่หูของเรา และพระองค์อยู่กับเราในทุกๆวันและเราสามารถคุยกับพระองค์ได้ทุกเรื่อง เราสามารถมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์ได้ แต่จะต้องระวังให้ดีว่าเราจะไม่ปล่อยให้จิตวิญญานแห่งความคุ้นเคยมาควบคุมเรา กับทุกอย่างที่เกิดขึ้น พระเจ้าทรงเป็นเพื่อน คู่หูเราก็จริง แต่เราอย่าลืมว่าพระองค์ทรงยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่และมีฤทธิ์เดช ซึ่งเราควรมีความเกรงกลัวและนับถือพระเจ้าและเราจะไม่ลืมว่าไม่มีอะไรเลยที่พระเจ้าทำไม่ได้ ไม่มีอะไรเลยที่พระเจ้าไม่รู้ และไม่มีที่ไหนเลยที่เราอยุ่แล้วพระเจ้าไม่อยู่ด้วย เราไม่สามารถซ่อนอะไรจากพระองค์ได้ พระองค์ทรงรู้ทุกความคิดก่อนที่เราจะคิดด้วยซ้ำ ทุกคำพูดก่อนที่เราจะพูดออกมา พระองค์ทรงรู้เหตุการ์ณของเราก่อน ก่อนที่มันจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ
บางครั้งเราหวังว่าเรามีสิทธิที่จะรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วเราก็ใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตที่จะหาคำตอบกับทุกๆเรื่อง ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่โง่เขลาจริงๆที่เราอยากให้พระเจ้าอธิบายทุกเรื่องให้เรารู้ ซึ่งเราไม่จำเป็นจะต้องรู้เรื่องทุกอย่างที่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ไม่จำเป็น
เราจะไปถึงจุดที่เรามีความพอใจ หากเราอยากรู้ทุกเรื่องในอนาคตของเรา นั้นเป็นความเชื่อแบบไหนกัน พระเจ้าคงจะไม่ให้แบบพิมพ์เขียวในการใช้ชีวิตในทุกๆวัน และเขียนทุกอย่างให้เราเสร็จสับ งั้นเราก็คงไม่มีเรื่องตื่นเต้นเลยสิ
หวังว่าเราจะรักษาความเชื่อในทุกๆก้าวเอาไว้ และได้ยินเสียงจากพระเจ้าจริงๆและไม่จบลงด้วยปัญหาที่เลวร้ายที่สุด เท่าที่เจอมาในชีวิต
โยบ 9:5
มันจะต้องมีบางอย่างที่เราไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปหาคำตอบ ถ้าเราจำเป็นต้องรู้เหตุผลของทุกเรื่องต้องใช้เวลาทั้งชีวิตที่จะหาคำตอบของทุกคำถาม เราจะไม่มีวันอิ่มใจ หรือพึงพอใจ เราจะไม่มีการเข้าสู่การพักพิงในพระเจ้า เพราะความเชื่อนั้นมักจะมีคำถามที่ไม่มีคำตอบในชีวิตของคุณเสมอ
ดังนั้นวิธีของพระองค์อยู่เหนือวิธีของเรา ความคิดของพระองค์อยู่เหนือความคิดของเรา และพระองค์ไม่อยากได้ยินคำว่า ทำไม พระเจ้า ทำไม แต่พระองค์อยากได้ยินว่าพระเจ้าลูกเชื่อในพระองค์
บางครั้งเราหวังว่าเรามีสิทธิที่จะรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วเราก็ใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตที่จะหาคำตอบกับทุกๆเรื่อง ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่โง่เขลาจริงๆที่เราอยากให้พระเจ้าอธิบายทุกเรื่องให้เรารู้ ซึ่งเราไม่จำเป็นจะต้องรู้เรื่องทุกอย่างที่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ไม่จำเป็น
เราจะไปถึงจุดที่เรามีความพอใจ หากเราอยากรู้ทุกเรื่องในอนาคตของเรา นั้นเป็นความเชื่อแบบไหนกัน พระเจ้าคงจะไม่ให้แบบพิมพ์เขียวในการใช้ชีวิตในทุกๆวัน และเขียนทุกอย่างให้เราเสร็จสับ งั้นเราก็คงไม่มีเรื่องตื่นเต้นเลยสิ
หวังว่าเราจะรักษาความเชื่อในทุกๆก้าวเอาไว้ และได้ยินเสียงจากพระเจ้าจริงๆและไม่จบลงด้วยปัญหาที่เลวร้ายที่สุด เท่าที่เจอมาในชีวิต
โยบ 9:5
มันจะต้องมีบางอย่างที่เราไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปหาคำตอบ ถ้าเราจำเป็นต้องรู้เหตุผลของทุกเรื่องต้องใช้เวลาทั้งชีวิตที่จะหาคำตอบของทุกคำถาม เราจะไม่มีวันอิ่มใจ หรือพึงพอใจ เราจะไม่มีการเข้าสู่การพักพิงในพระเจ้า เพราะความเชื่อนั้นมักจะมีคำถามที่ไม่มีคำตอบในชีวิตของคุณเสมอ
เราจะต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังพระเจ้า ไม่ใช่หาคำตอบในทุกเรื่อง เพราะสิ่งนั้นเป็นการขัดขวางที่จะใช้ชีวิตกับพระเจ้า ขัดขวางการเติบโตของเราเมื่อเราใช้เวลามากมายในการค้นหาคำตอบ เราเสียเวลามากมายกับการสงสัย อย่าเสียเวลากับการหาคำตอบเพราะยังไงเราก็ไม่สามารถหาคำตอบนั้นได้ แต่จะได้อะไรบางอย่างมาอัดเข้าในสมองของคุณ เราไม่อยากเข้าใจเท่านั้น เราต้องการการยั่งรู้ คงไม่มีปัญหาอะไรถ้าเราจะถามพระเจ้าว่าทำไมสักครั้งหรือสองครั้ง แต่เมื่อไหร่ที่เราล้ำเส้นไปเป็นความสงสัยแล้ว นั้นหมายถึงเรากำลังไปไกลแระ
สิ่งที่พระเจ้าอยากได้ยินคือ โปรดเสริมกำลังลูกด้วยในการเดินทางครั้งนี้ ให้ลูกมีกำลังเต็มที่ที่จะให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ ลูกจะไม่บ่น ไม่ตำหนิ ไม่สงสัย ไม่หาความผิดจากพระองค์ ไม่เรียกร้องคำตอบที่ลูกไม่รู้ ลูกเชื่อพระองค์ จงเปลี่ยนคำถามเป็นความเชื่อ
ความสุขเป็นของผุ้ที่เชื่อ แม้ว่ามันจะยังไม่เห็นคำตอบ ที่พวกเขามองหาอยุ่
ความสุขเป็นของผุ้ที่เชื่อ แม้ว่ายังไม่เข้าใจ จงรับใช้พระเจ้าด้วยความเชื่อในหัวใจ ไม่ใช่ความคิด
อย่าถามว่า ทำไมพระเจ้าทำไม พระเจ้าทำอะไรอยุ่ ลูกไม่เข้าใจ ลูกคิดว่า ลูกนึกว่า !! เลิกคิดเถอะ จงกลับไปดูว่าหัวใจเราเป็นอย่างไร เชื่อว่านี้คือสิ่งที่พระเจ้าอยากให้ลูกทำ และไม่ต้องพยายามไปหาคำตอบอะไรอีก จงทำอย่างสุดจิตสุดใจและไม่สงสัย
อ้างอิงจาก จอยซ์ ไมเออร์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น